KCE เมย์แบงก์ มองยังมีปัจจัยท้าทายรออีกมาก คาดกำไรปีนี้ลดลง
#KCE #ทันหุ้น-บล.เมย์แบงก์(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE แนะนำขาย ให้ราคาเป้าหมายที่13.60 บาท ด้วยเหตุผลหลัก 2ประการ คือ คาดกำไรหลักในปีงบ 2568 จะลดลง 13% YoY ซึ่งคาดว่ากำไรหลักในครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 435 ล้านบาท ลดลง 54% YoY คิดเป็นเพียง 33% ของประมารการกำไรทั้งปี ซึ่งคาดไว้ที่ 1,327 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนซึ่งทำได้ที่ 1,527 ล้านบาท และประการที่สอง มองว่าประมาณการกำไรปี 2568 และ 2569 มี Downside จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น และอุปสงค์รถยนต์ในตลาดตะวันตกที่ยังชะลอตัว โดยกำไรในครึ่งหลังปีนี้ยังมี Downside จากการที่ลูกค้าในสหรัฐ เร่งสต็อกสินค้าไปแล้ว
ขณะที่ปัจจัยที่อาจเป็นบวกต่อประมาณการ ได้แก่ การได้ลูกค้าหรือโครงการใหม่, การลดภาษีนำเข้ารถยนต์ในสหรัฐ และมาตรการลดต้นทุนที่มีประสิทธิภาพกว่าตลาด
ฝ่ายวิจัย คาดว่ากำไรหลักไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 255 ล้านบาท ลดลง 52% YoY แต่เพิ่มขึ้น 42% QoQ แม้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อล่วงหน้าของลูกค้าในสหรัฐ แต่กำไรยังถูกกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงตามค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น
ขณะที่ราคาหุ้น KCE ที่ปรับเพิ่มขึ้น 14% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มาจากกแรงซื้อของ CEO ที่เข้าซื้อหุ้นเพิ่ม 8.7 ล้านหุ้นในช่วง2 เดือน รวมถึงข้อมูลการส่งออก PCB ของไทยที่ออกมาดีในปีนี้อย่างไรก็ตาม รายได้จากการส่งออกส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯและเอเชีย ขณะที่ยุโรป ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 50% ของรายได้ KCE ยังคงอ่อนแอ ทำให้มองว่าการปรับขึ้นของราคาหุ้นครั้งนี้สะท้อนเพียง sentiment เชิงบวกระยะสั้นมากกว่าพื้นฐานที่แข็ง
แกร่ง
ฝ่ายวิจัยเมย์แบงก์ มองว่า KCE ยังต้องเผชิญความท้าทายอีกมาก ทั้งจากแรงกดดันจากโครงสร้าง เช่น ภาษีนำเข้ารถยนต์เฉพาะกลุ่มในสหรัฐ และการแข่งขันจากรถยนต์ไฟฟ้าจีนในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของลูกค้า KCE จึงคาดว่าจะทำกำไรหลักปีนี้จะอ่อนตัวลง 13% รวมถึงมองเห็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรในปี 2569 ต่อเนื่อง
ราคาหุ้น KCE ช่วงบ่ายเคลื่อนไหวอยู่ที่ 18.00 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.56% มีมูลค่าการซื้อขาย 180.23 ล้านบาท
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้