อาร์เซน่อล เสริมเดือดกับซีซั่นชี้ชะตา อาร์เตต้า
1. อาร์เซน่อล เป็น 'รองแชมป์' พรีเมียร์ลีก มา 3 สมัยติดต่อกันแล้วนะครับ แถมเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ทำสถิตินี้
มุมหนึ่งคือความเจ็บช้ำ แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง มันก็แสดงให้เห็นถึง 'มาตรฐาน' ของทีมที่ได้ลุ้นแชมป์อย่างคงเส้นคงวามา 3 ปีแล้ว
ถือว่าไม่ธรรมดานะ
2. ตลอด 3 ฤดูกาลแห่งความเจ็บช้ำที่ผ่านมา มิเกล อาร์เตต้า และลูกทีมได้รับ 'บทเรียน' มากมายให้นำมาปรับปรุง และแก้ไข เพื่อให้พุ่งทะยานไปถึงดวงดาวสักที
ถึงตอนนี้ พวกเขามีประสบการณ์ในการขับเคี่ยวแย่งแชมป์มา 3 ปี จนสามารถแบกรับความกดดันในช่วงชี้เป็นชี้ตายได้สบายๆ
ขนาดทีมก็ใหญ่และยาวมากขึ้น คุณภาพผู้เล่นตัวหลักกับอะไหล่ใกล้เคียงกันมากขึ้น เพื่อที่จะยืนระยะได้ยาวนานกว่าเดิม หลังจากตัวหลักผลัดกันบาดเจ็บ เมื่อซีซั่นที่แล้ว
ผู้เล่นในตำแหน่ง 'หน้าเป้า' ระดับดาวถล่มประตูที่ถูกมองว่าเป็น 'จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย' ก็นำเข้ามาสู่ทีมเป็นที่เรียบร้อย
3. ตลาดรอบนี้ อาร์เซน่อล ได้ผู้เล่นใหม่อย่าง เกปา มาเป็นอีกตัวเลือกในตำแหน่งนายทวาร
แดนกลางก็ได้ตัว มาร์ติน ซูบิเมนดี้ กับ คริสเตียน นอร์การ์ด มาเสริม รวมถึงตัวรุกริมเส้นที่เล่นได้ทั้ง 2 ฝั่งอย่าง โนนี่ มาดูเอเก้
และในที่สุด อาร์เซน่อล ก็มีหัวหอกระดับอสุนีบาตอย่าง วิคตอร์ เยอเคเรส มาช่วยถล่มตาข่ายให้มันสิ้นซาก !!!
นอกจากนี้ผู้เล่นตัวหลักที่ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปเมื่อฤดูกาลที่แล้วก็กลับมาแบบพร้อมหน้าพร้อมตา มิหนำอาจกระชาก เอเบเรชี่ เอเซ่ เข้ามาอีกคน
ดังฉะนั้น ถ้า อาร์เซน่อล จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกก็ไม่ใช่เรื่องที่พิสดารอะไร
4. ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวพวกเขาแล้ว
อุปสรรคของทีมสีหนาทปืนใหญ่คือสิ่งที่เป็น 'นามธรรม' อย่างคำว่า 'วาสนา'
เพราะพอมีความพร้อมมากกว่าเดิมก็ยังต้องมาห้ำหั่นกับคู่เล่นอันตรายที่มีความน่าขามเกรงถึง 3 ทีม
แชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล ที่หากได้ อเล็กซานเดอร์ อีซัค มาร่วมทีมอีกคน ค่าพลังจะพุ่งทะยานแบบเกินห้ามใจ
แมนซิตี้ จากการทำงานของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือโรคจิตที่มีอัตราความกระเหี้ยนเต็มพิกัด ด้วยหวังทวงความสำเร็จกลับคืนมา
และ 'แชมป์โลก' อย่าง เชลซี ที่กำลังเปล่งปลั่งสำหรับการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง หลังห่างเหินมานานหลายปี
5. อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จคือความสามารถของผู้จัดการทีมนี่แหละ
มิเกล อาร์เตต้า ไม่เคยเสก 'แชมป์' ให้ อาร์เซน่อล มานาน 5 ปีแล้ว จนนำมาซึ่งการเสริมทัพอย่างหนักหน่วงในตลาดรอบนี้
ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงจึงต้องใช้คำว่า…
Dead or Alive คือ 'เด๊ดห่าหรือมีชีวิตอยู่' กับกุนซือสายพันธุ์กระทิงดุผู้นี้ได้เลย
UP THE ARSE !!!