ภท.ขู่เดชอิศม์คำสั่งมิชอบ กรมที่ดินแจง‘เขากระโดง’
เขากระโดงเดือด! “ภูมิธรรม” ให้ "เดชอิศม์" ชนภูมิใจไทยต่อ ซัด "เสี่ยหนู" อ้างมหาดไทยถูกกล่าวหาว่าไม่มีประสิทธิภาพ จึงต้องเข้ามาพิสูจน์ ยันไม่มีการกลั่นแกล้งบังคับขู่เข็ญเจ้าหน้าที่หรือพนักงาน ขณะที่กรมที่ดินแถลง ปมการเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินสามารถทำได้ 3 กรณีเท่านั้น
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดิน ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน กรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ต.อิสาณ และ ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ได้มีการกำหนดกรอบเวลาการตรวจสอบหรือไม่ ว่าตนปล่อยให้นายเดชอิศม์ในฐานะกำกับดูแลกรมที่ดินเป็นผู้ดำเนินการต่อ และตั้งใจตั้งแต่ต้นว่า เข้ามาทำงานในกระทรวงมหาดไทยที่ถูกกล่าวหาว่าล่าช้าหรือไม่มีประสิทธิภาพ เพราะเจ้าหน้าที่เองเขาคิดว่าเขาทำงาน ก็ต้องพิสูจน์กัน หากพบว่าทำงานเต็มที่ก็ไม่ได้มีปัญหา
"ผมไม่ได้มีความต้องการที่จะมายุ่งเกี่ยว หรือกลั่นแกล้งบังคับขู่เข็ญเจ้าหน้าที่หรือพนักงาน อย่างที่ผมบอก เรื่องเขากระโดงเป็นเรื่องที่สนใจ ซึ่งผมได้เรียกอธิบดีกรมที่ดินมาคุยแล้วว่าถูกผิดผมไม่ตัดสิน แต่เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายคลางแคลงใจ จึงมีหน้าที่ทำตรงนี้ให้ชัดจะได้จบไป ไม่ใช่เป็นประเด็นมาถามได้ทุกวัน"
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า เรื่องที่ดินเขากระโดง หลังจากที่เขาชี้แจงแล้วก็ตั้งคณะกรรมการสอบว่าคำชี้แจงถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องก็จบ ถ้ามีปัญหาก็ต้องว่ากันไปตามเนื้องาน ส่วนคำชี้แจงดังกล่าวจะนำเข้าสู่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาด้วย
ขณะที่กรมที่ดินได้ออกเอกสารชี้แจงว่า การเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน สามารถทำได้ 3 กรณีเท่านั้น
1.การเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามคำพิพากษาศาล ตามมาตรา 61 วรรคแปด แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นการดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ในกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งอันถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแปลงใดเป็นการเฉพาะโดยชัดแจ้งว่า ให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแปลงใด เลขที่เท่าใด เท่านั้น ในกรณีเช่นนี้อธิบดีกรมที่ดินไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาอีก เจ้าพนักงานที่ดินสามารถดำเนินการหมายเหตุการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามคำพิพากษาศาล โดยดำเนินการตามคำสั่งกรมที่ดินที่ 3/2516 ลงวันที่ 19 มกราคม 2516 ได้เลย
2.การแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่มีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยตามมาตรา 61 วรรคเจ็ด แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเกิดจากการเขียนหรือพิมพ์ข้อความผิดพลาดที่มีหลักฐานชัดแจ้ง เมื่อผู้มีส่วนได้เสียยินยอมให้แก้ไขเป็นลายลักษณ์อักษร เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจดำเนินการแก้ไขได้โดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาแต่อย่างใด
3.การเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน กรณีที่ศาลไม่ได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนตามข้อ 1 และไม่ใช่กรณีพิมพ์หรือเขียนข้อความผิดตามข้อ 2 แต่เป็นกรณีมีการกล่าวอ้างว่ามีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อนที่จะเพิกถอนอธิบดีกรมที่ดินจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาคณะหนึ่ง ตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการสอบสวนว่าเป็นประการใด
เมื่อคณะกรรมการสอบสวนฯ รายงานผลการสอบสวน หากปรากฏชัดแจ้งว่า หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินออกไปโดยไม่ชอบ อธิบดีกรมที่ดินย่อมมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนได้ แต่หากไม่ปรากฏชัดแจ้งว่า หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อธิบดีกรมที่ดินพิจารณาเป็นประการใดแล้วก็ให้ดำเนินการไปตามนั้น เช่น พิจารณาเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสอบสวนฯ เสนอว่าไม่มีความคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยุติเรื่อง เป็นต้น
นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคําสั่งอธิบดีกรมที่ดินกรณีไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง โดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าการออกคำสั่งตรวจสอบลักษณะนี้ไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมาย และละเมิดหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง เพราะอธิบดีกรมที่ดินได้ใช้อำนาจตามมาตรา 61 โดยพิจารณาจากพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริง และความเห็นของคณะกรรมการที่กระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งอย่างรอบคอบแล้ว การตรวจสอบซ้ำโดยอ้างกระแสข่าว คิดว่าเป็นการออกคําสั่งที่ไม่ชอบ ซึ่งความจริงแล้วเป็นความสงสัยในเชิงทางสังคมทั่วไป หรือเป็นเหตุผลทางการเมือง
“อยากจะฝากไปถึง รมช.มหาดไทยว่า วันนี้ท่านเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่จากพรรคการเมืองเก่าแก่ ไม่คิดว่าจะยอมตกไปใต้อาณัติของ รมว.มหาดไทย ซึ่งโยนภาระให้ท่านมารับ วันนี้กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่บําบัดทุกข์ บํารุงสุข ให้กับประชาชน แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพรรคเพื่อไทย หรือตระกูลชินวัตร ถ้าถึงจุดจุดหนึ่ง หากข้าราชการลุกฮือ แสดงจุดยืนจะอารยะขัดขืน ท่านจะประสบปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน ขอให้ท่านใช้หลักนิติธรรมในการบริหารจะดีกว่า" นายศุภชัยกล่าว.