ทำไมเราถึง “หมดไฟ” ทั้งที่ไม่ได้ทำงานหนัก?
หลายคนรู้สึกเหนื่อย…
แต่พอลองมองดู ก็ไม่ได้ทำงานหนักอะไรมากนัก
ไม่ได้ล่วงเวลา ไม่ได้อยู่ในโปรเจกต์ใหญ่ แต่กลับรู้สึกว่า “หมดแรงจะลุก”
นั่นอาจไม่ใช่ความล้าในร่างกาย แต่คือ ภาวะใจที่หมดแรง หรือที่เรียกกันว่า "หมดไฟ" (Burnout)
และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ… คนที่ไม่ได้ทำงานหนัก ก็มักจะรู้สึกหมดไฟได้เหมือนกัน
แล้วมันเกิดจากอะไร?
1. ใช้พลังใจเกินไปโดยไม่รู้ตัว
บางวันงานอาจไม่เยอะ แต่ใช้พลัง “ควบคุมอารมณ์” สูงมาก
เช่น ต้องรับมือกับคนขัดใจ ต้องฝืนยิ้ม ต้องแก้ปัญหาที่ไม่มีทางออก
สิ่งเหล่านี้ใช้พลังใจมากกว่าการพิมพ์งาน 8 ชั่วโมงอีกครับ
2. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดูดพลัง
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกดดัน ความเฉยชา หรือความคาดหวังที่ไม่พูดออกมา
ต่อให้ไม่ได้ถูกตำหนิตรงๆ แต่ก็ทำให้เรา “ล้าใจ” ได้เรื่อยๆ จนหมดไฟ
3. ไม่มีพื้นที่ให้ตัวเองได้พักจริงๆ
บางคนเลิกงานแล้วก็ยังตอบแชต ยังคิดเรื่องงาน หรือไม่ก็รับผิดชอบคนรอบข้างต่อ
แม้ร่างกายจะหยุด แต่ใจไม่เคยได้พัก → พลังเลยหมดไปเรื่อยๆ
4. ไม่เห็นความหมายของสิ่งที่ทำ
สิ่งที่ทำอาจไม่ยาก แต่ถ้าเรารู้สึกว่า “ทำไปเพื่ออะไร?”
แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกเหมือนลากตัวเองไปวันๆ
ความเบื่อ + ความไม่เห็นคุณค่า = ทางลัดสู่การหมดไฟ
แล้วจะฟื้นตัวจากความรู้สึกนี้ได้ยังไง?
✅ พักแบบตั้งใจพัก
- ปิดมือถือ
- ไม่ตอบแชต
- ไม่เสพข้อมูล
แค่ 1–2 ชั่วโมงต่อวัน ที่ปล่อยให้ตัวเอง “เฉยๆ” ก็พอจะเติมแรงให้ใจได้แล้ว
✅ ทำสิ่งที่ไม่มีเป้าหมาย
ไม่ต้องเพื่อพัฒนา ไม่ต้องได้ผลลัพธ์
เช่น เดินเล่น ฟังเพลง วาดรูป ทำอะไรช้าๆ
สิ่งพวกนี้ช่วยซ่อมใจแบบที่เราไม่รู้ตัว
✅ หาความหมายเล็กๆ ในแต่ละวัน
ลองถามตัวเองว่า
“วันนี้มีอะไรที่เราทำแล้วรู้สึกดี?”
อาจแค่ทำกับข้าวให้ตัวเอง หรือหัวเราะกับเพื่อนร่วมงาน
ความหมายไม่ต้องยิ่งใหญ่ แค่รู้สึกว่าตัวเองยัง “มีอยู่” ก็พอ
✅ คุยกับใครสักคนที่ฟังจริงๆ
บางครั้งแค่มีคนฟัง โดยไม่พยายามสอนหรือปลอบ
ก็ช่วยให้ใจเรามีแรงพอจะเดินต่อแล้ว
สรุป
คนเราหมดไฟได้…แม้ไม่ได้ทำงานหนัก
เพราะความเหนื่อยในใจ ไม่ได้นับเป็นชั่วโมง
แต่นับจากสิ่งที่เราต้องแบกไว้เงียบๆ ทุกวัน
และนั่นแหละคือเหตุผลที่เราควรฟังใจตัวเองมากขึ้นกว่านับเวลาเลิกงาน
อย่าลืมกดติดตาม Tojo News เพื่อพบกับข่าวสาร และบทความใหม่ ๆ จากเรา
Line Today TOJO NEWS , ToJoNews
#โตโจนิวส์ #TOJONEWS #สำนักข่าวโตโจนิวส์ #หมดไฟ #การทำงาน