‘แบงก์ชาติ’ รับศก.ไทยครึ่งปีหลังแผ่ว ภาษีสหรัฐกดส่งออกซึมยาวถึงปี69!
'แบงก์ชาติ' รับแนวโน้มส่งออกไทยครึ่งหลังปี 68 ยาวถึงปี 69 โดนกดจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ชี้ยังไม่เห็นสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย แต่มีโอกาสค่อย ๆ ซึมตัวลง ส่วนครึ่งปีหลังชะลอตัวแน่นอน
31 ก.ค. 2568 - นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การประเมินภาพเศรษฐกิจไทยที่ระดับ 2.3% ในปีนี้นั้น ธปท.มีข้อสมมติฐานที่ใช้เช่นเดียวกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่อัตราภาษี Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ ที่ 18% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาคที่ได้อัตราภาษีในระดับ 20% บวก/ลบ ซึ่งสุดท้ายแล้วอัตราภาษีที่จะออกมา เชื่อว่าจะไม่หนีไปจากระดับนี้เท่าใดนัก
ส่วนถ้าหากสินค้าไทยถูกเก็บภาษีในอัตราสูงกว่าข้อสมมติฐาน 18% ที่ใช้ในการประเมินเศรษฐกิจ จะทำให้ต้องมีการทบทวนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ใหม่หรือไม่นั้น นางสาวชญาวดี ระบุว่า คงต้องขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น อัตราภาษีระดับใด มาตรการของภาครัฐที่จะช่วยเหลือ รวมทั้งการปรับตัวของภาคธุรกิจเอง ตลอดจนต้องดูว่าประเทศคู่ค้าหลักอื่น ๆ จะได้รับอัตราภาษีเท่าใดด้วย ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการพิจารณาด้วย
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าทิศทางการส่งออกสินค้าของไทยไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ ต่อเนื่องไปถึงทั้งปี 2569 จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น ซึ่ง ธปท.ได้เคยประเมินไว้อยู่แล้วก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน มีความเสี่ยงจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาเข้ามาเพิ่มเติมด้วย โดยต้องติดตามว่าสถานการณ์จะกินเวลายาวนานเพียงใด เพราะต้องยอมรับว่าผลกระทบไม่ใช่เพียงความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเท่านั้น แต่กระทบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่เองด้วย รวมทั้งผลกระทบด้านความเชื่อมั่น และผลกระทบทางสังคมตามมา
สำหรับโอกาสหรือความเป็นไปได้ที่จะเห็นเศรษฐกิจไทยถดถอย หรือโตไม่ถึง 1% นั้น นางสาวชญาวดี กล่าวว่า ขณะนี้ไทยมีประมาณ 3% อยู่ในกระเป๋าเป็นต้นทุนอยู่แล้ว ถ้าจะให้โตแค่ 1.5% แปลว่าอีก 2 ไตรมาสเศรษฐกิจต้องไม่เติบโตเลย ดังนั้น เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยคงไม่ถึงกับร่วงลงแบบตกเหว แต่อาจจะเป็นภาพของการค่อย ๆ ซึมตัวลงมากกว่า
"ครึ่งปีหลัง ยอมรับว่าคงชะลอ แต่จากตัวเลขไตรมาส 2 ที่ออกมาค่อนข้างโอเค และไตรมาส 3 ความเสี่ยงมีมากขึ้น ทำให้ไตรมาสต่อไตรมาสอาจจะแย่กว่าคาด ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เราจับตาอยู่ เราติดตามความเสี่ยงใกล้ชิด แต่ทิศทางคงไม่เปลี่ยน ดูแค่ความรุนแรงว่าจะลงมากน้อยขนาดไหน ก็ต้องมาประเมินใหม่" น.ส.ชญาวดี ระบุ
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย. 2568 นั้น เศรษฐกิจชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการส่งออกสินค้า และภาคการผลิตลดลง หลังเร่งตัวไปในช่วงก่อนหน้าเพื่อให้ทันก่อนที่จะสิ้นสุดการผ่อนผันการปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ ขณะที่กิจกรรมที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยวก็ปรับตัวลดลง ตามจำนวนและรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนลดลงในเกือบทุกหมวด
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2568 ขยายตัวได้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ที่ขยายตัวได้ 3.1% โดยมีแรงส่งจากการส่งออกสินค้า การผลิตภาคอุตสาหกรม การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวชะลอลง สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนการบริโภคภาคเอกชนทรงตัว
“แนวโน้มระยะต่อไปนั้น มองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลงจากผลกระทบของนโยบายการค้าโลกต่อการส่งออกสินค้า การผลิตทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม และรายได้ของแรงงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มชะลอลง” นางสาวชญาวดี กล่าว