ร่องลึกนันไก จุดเสี่ยงแผ่นดินไหวและสึนามิใหญ่ในญี่ปุ่น
ร่องลึกนันไก (Nankai Trough)เป็นร่องน้ำลึกใต้ทะเลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางธรณีวิทยา ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ทอดตัวยาวประมาณ 900 กิโลเมตรนอกชายฝั่งภูมิภาคนันไคโดบนเกาะฮอนชู จุดนี้ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยธรรมชาติสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะเหตุการณ์ แผ่นดินไหวและสึนามิ
สาเหตุการเกิดร่องลึกนันไก
ร่องลึกนันไกเกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก โดยเฉพาะการ มุดตัวของแผ่นเปลือกโลกฟิลิปปินส์ (Philippine Sea Plate)ลงไปใต้ แผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย (Eurasian Plate)บริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนว Subduction Zone ที่เรียกว่า "นันไก เมกะทรัสต์" (Nankai megathrust)
เมื่อแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่และมุดตัวกันอย่างช้าๆ จะเกิดการสะสมพลังงานใต้พื้นดินอย่างต่อเนื่อง และเมื่อพลังงานนี้ถูกปลดปล่อยออกมากะทันหัน จะส่งผลให้เกิด แผ่นดินไหวขนาดใหญ่และตามมาด้วย คลื่นสึนามิ
ความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวและสึนามิในร่องลึกนันไก
ร่องลึกนันไก เป็นจุดที่นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจับตามอง เนื่องจากมีประวัติการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในอดีต และคาดการณ์ว่าอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นอีกในอนาคต ด้วยเหตุผลดังนี้
- ประวัติศาสตร์แผ่นดินไหว: บริเวณนี้เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ริกเตอร์ขึ้นไป ทุกๆ 100-200 ปี และครั้งล่าสุดคือในปี 1946 (แผ่นดินไหวโชวะ-นันไก)ซึ่งผ่านมาแล้วเกือบ 80 ปี
- โอกาสเกิดแผ่นดินไหวสูง: จากข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่น คาดการณ์ว่าในช่วง 30 ปีข้างหน้ามีความเป็นไปได้ถึง 70-80%ที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8-9 ริกเตอร์ในบริเวณนี้
- ผลกระทบที่รุนแรง: หากเกิดแผ่นดินไหวตามที่คาดการณ์ จะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 298,000 รายอาคารบ้านเรือนเสียหายกว่า 2.35 ล้านหลังและเกิด คลื่นสึนามิยักษ์ ซัดถล่มเมืองสำคัญอย่าง โอซาก้า, เกียวโต, ฮิโรชิมะและอาจส่งผลถึงประเทศต่างๆ ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก
มาตรการรับมือภัยพิบัติจากร่องลึกนันไก
ด้วยความเสี่ยงสูง รัฐบาลญี่ปุ่นจึงให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติจากร่องลึกนันไก อย่างจริงจัง มีการจัดทำแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน ฝึกซ้อมรับมือแผ่นดินไหวและสึนามิเป็นประจำ พร้อมติดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้าและสร้างโครงสร้างป้องกันคลื่นยักษ์ตามแนวชายฝั่ง
ร่องลึกนันไก (Nankai Trough)เป็นอีกหนึ่งพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติระดับโลก ที่ควรติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบทั้งต่อประเทศญี่ปุ่นและภูมิภาคแปซิฟิก หากเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขึ้นอีกครั้งในอนาคต ซึ่งทุกประเทศในแถบนี้ควรวางแผนรับมือไว้แต่เนิ่นๆ