สมศักดิ์ เผย ‘ยาเสพติดระบาด’ เหตุจากต้นทุนถูก-ขายได้มาก เร่งนำร่อง 8 จว.แก้ปัญหา พาคนป่วยเข้าบำบัด
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายในพื้นที่นำร่อง 8 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปทุมธานี ยะลา สุราษฎร์ธานี และหนองคาย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายผลักดันวาระแห่งชาติเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้เป็นวาระของจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน และชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของจังหวัด ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในการขับเคลื่อนให้ครบถ้วนทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ การปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน ตลอดจนการฟื้นฟูคนดีกลับสู่สังคม ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างระบบการบำบัดรักษาและฟื้้นฟูผู้ติดยาเสพติด ที่่เข้มแข็ง ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ เน้นการมีส่วนร่วมในระดับพื้นที่ โดยมีเป้าหมาย คือ ร่วมกันลดจำนวนผู้เสพรายใหม่ ฟื้้นฟูผู้ที่เคยหลงผิดให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข และลดผลกระทบจากยาเสพติดอย่างยั่งยืน
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือนี้ ภาคีเครือข่ายในพื้นที่นำร่องทั้ง 8 จังหวัด 10 หน่วยบริการ รวม 50 หน่วยงาน ประกอบด้วย อำเภอ 10 อำเภอ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 10 แห่ง โรงพยาบาล 10 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10 แห่ง แบ่งเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัด 3 แห่ง เทศบาล 2 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 5 แห่ง และสถานีตำรวจภูธร 10 แห่ง จะมีบทบาท ดังนี้ 1.อำเภอ กำกับ ติดตาม และขับเคลื่อนนโยบายด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ด้านการบำบัดรักษา ด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และด้านฟื้นฟูสภาพทางสังคม ในพื้นที่ ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ สนับสนุนการ บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัด จัดประชุมคณะทำงานหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
2.สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ กำหนดแนวทาง และดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด อำนวยการและกำกับติดตามหน่วยคัดกรองในพื้นที่ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ พัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขด้านการดูแลผู้ติดยาเสพติด ติดตามผลการบำบัดและเฝ้าระวังการกลับมาใช้ยาเสพติดซ้ำของผู้ผ่านการรักษา โดยบูรณาการความร่วมมือกับครอบครัว ชุมชน และหน่วยงานในกระบวนการบำบัด
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า 3.โรงพยาบาล ให้บริการด้านการคัดกรอง ประเมิน วินิจฉัย และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด จัดระบบการดูแลผู้ป่วยตามบริบทพื้นที่ ทั้งแบบผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และระบบส่งต่อ สนับสนุนการอบรมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดในหน่วยบริการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคี เช่น ตำรวจ ชุมชน อบจ. และครอบครัว ในกระบวนการ รักษาและติดตาม บันทึกและรายงานข้อมูลผู้รับบริการเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น โปรแกรม สารสนเทศของกระทรวงสาธารณสุข 4.องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนอาคาร สถานที่และสิ่งจำเป็น เพื่ออำนวยความสะดวก หรือทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ส่งเสริมบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน ร่วมบูรณาการ กิจกรรมและโครงการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ผ่านการบำบัดในระดับพื้นที่
และ 5.สถานีตำรวจภูธร คัดกรองและส่งต่อผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาตามขั้นตอนทางกฎหมาย สนับสนุนการรักษาความปลอดภัยและติดตามเฝ้าระวังผู้ผ่านการบำบัดไม่ให้กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมประชุม บูรณาการข้อมูลและดำเนินการด้านกฎหมายควบคู่กับการฟื้นฟูในพื้นที่เป้าหมาย
ด้าน นายชัยชนะ กล่าวว่า ข้อมูลผู้เสพยาเสพติดในปัจจุบันมีประมาณ 2 ล้านราย ขณะที่ผู้ได้รับการบำบัดประมาณ 4 แสนราย แบ่งเป็นผู้ป่วยสีแดง สีส้ม สีเหลืองและสีเขียว ซึ่งการบำบัดด้วยชุมชนล้อมรักษ์ CBTx จะดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีเขียว ส่วนผู้ป่วยกลุ่มสีแดงและสีส้ม จะต้องเข้ารับการบำบัดในสถานพยาบาล โดยมีการตั้งเป้าหมายในปีงบประมาณ 2569 ว่าจะบำบัดผู้ป่วยให้ได้มากกว่า 1 แสนราย ขณะที่ งบประมาณที่ใช้ในการบำบัดหลักสูตร 1 เดือน จะตกเฉลี่ย 858,200 บาทต่อรุ่น
นายชัยชนะ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการนำร่องพื้นที่ 8 จังหวัด เพื่อการทำงานเชิงรุกเข้าถึงประชาชนผ่านกลไกท้องถิ่น โดยท้องถิ่นที่มีความพร้อมได้แสดงความจำนงที่จะร่วมมือกับ สธ. อย่างเช่น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการเป็นแห่งแรกแล้ว โดยรูปแบบการดำเนินงาน คือ สธ.ให้การบำบัดดูแลผู้เสพยา ขณะที่ กระทรวงมหาดไทยดำเนินการปราบปราม ไม่มียาเสพติดเกิดขึ้นในพื้นที่ ทั้งผู้ค้าและผู้เสพ โดยนำผู้เสพเข้าสู่การบำบัดรักษา ภายใต้การทำงานของโรงพยาบาลแม่ข่ายในอำเภอ โดยส่วนกลางสนับสนุนเวชภัณฑ์และบุคลากรเข้าไปดูแลผู้ป่วย จากนั้นผู้ที่ผ่านการบำบัดแล้วก็จะมีการสนับสนุนสร้างงานสร้างอาชีพ ด้วยความร่วมมือของกระทรวงอุตสาหกรรม กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เขาออกจากวงจรยาเสพติดได้
เมื่อถามถึงการดำเนินนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง รมต.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในการบำบัดผู้เสพยานั้น ยังมีผู้ป่วยใหม่เข้ามาเรื่อยๆ เพราะเราไม่ได้ตัดต้นน้ำอย่างจริงจัง เรื่องยาเสพติดยังเข้ามาเรื่อยๆ อีกทั้งยาเสพติดตอนนี้ถูกมาก สารตั้งต้นกี่โลไม่กี่บาทแต่ผลิตยาเสพติดได้กว่า 2 หมื่นเม็ด ในอดีตขายได้เม็ดละ 200 บาท ก็เกือบ 4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสารตั้งต้นกี่โลละไม่กี่บาท แต่ขายได้ตั้งมากมาย ฉะนั้นการยึดยาเสพติดมาเผา ก็เป็นการสร้างขวัญกำลังใจ แต่ต้องทำคู่กับการยึดทรัพย์ และเตรียมการบำบัดให้เป็นรูปธรรมตามความเหมาะสมของผู้ป่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลปีงบประมาณ 2568 มีผู้เสพยาเสพติดที่ถือว่าเป็นผู้ป่วย จำแนกเป็นพฤติกรรมการใช้ยาเสพติด คือ ผู้ใช้ 16,320 ราย ผู้ติด 44,294 ราย และผู้เสพ 141,631 ราย โดยมีผู้เข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสะสม 202,868 ราย แบ่งออกเป็น กลุ่มสีแดง 11,858 ราย สีส้ม 13,630 ราย สีเหลือง 5,155 ราย และสีเขียว 172,152 ราย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สมศักดิ์ เผย ‘ยาเสพติดระบาด’ เหตุจากต้นทุนถูก-ขายได้มาก เร่งนำร่อง 8 จว.แก้ปัญหา พาคนป่วยเข้าบำบัด
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th