สาวพม่านำคลิปวงจรปิดร้องสื่อถูกชาย 4 คนรุมกระทืบปางตาย หวั่นคดีไม่คืบ
ราชบุรี ในวันนี้(3 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ที่ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Lek Lekdevil ได้ส่งคลิปภาพพร้อมกับข้อความว่า “ มีเรื่องอยากขอร้องให้ช่วยหน่อย พอดีน้องที่ทำงาน 2 ผัวเมียเขากำลังออกมาทำงานและโดนดักทำร้าย วันที่ 29/7/68 เวลาประมาณ 23.20 น. แจ้งความแล้วถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า สงสารน้องเขาเป็นพม่า “ ซึ่งในคลิปภาพที่ส่งมานั้นพบหนุ่มสาวชาวพม่า 2 คน ถูกคนร้ายเป็นชาย 4 คน สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้ามาดักหน้ารถจักรยานยนต์และเข้าไปรุมทำร้ายหญิงสาว ทั้งที่หญิงสาวนั้นได้ยกมือไหว้ร้องขอชีวิต แต่คนร้ายก็ไม่ได้หยุดทำร้าย หลังทำร้ายหนำใจก็ได้พากันหลบหนีไป ซึ่งสภาพหญิงสาวที่ถูกทำร้ายนั้นอาการสาหัส ซึ่งเหตุเกิดบริเวณห้องเช่าในพื้นที่หมู่ 4 ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
หลังรับเรื่องร้องเรียนผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบพร้อมกับนายฐิติพันธ์ บัวภู ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.บ้านฆ้อง โดยได้พบกับนางสาวเอตันดาวิน อายุ 31 ปี และนายตินโกวิน อายุ 31 ปี สองสามีภรรยาซึ่งเป็นชาวเมียนมาร์ทั้งคู่ และเป็นผู้เสียหายที่ถูกรุมทำร้ายร่างกาย โดยพบว่านางสาวเอตันดาวิน นั้นมีบาดแผลบริเวณหน้าผาก ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ กระดูกโหนกแก้มแตก มีรอยถลอกตามแขนและขา รวมทั้งยังมีอาการปวดศีรษะและปวดบริเวณชายโครง แต่เนื่องจากทั้งสองคนนั้นพูดภาษาไทยไม่ได้ จึงได้ให้นางสาวน้ำฝน สายใจ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของทั้งสองคนเป็นล่ามในการให้ข้อมูลว่า เมื่อคืนวันที่ 29 กรกฎาคม เวลาประมาณก่อนเที่ยงคืนผู้เสียหายทั้งสองคน ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากห้องเช่าเพื่อจะไปทำงานกะกลางคืน เมื่อขับมาถึงปากซอย ได้มีชาย 4 คน สวมหมวกและใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า วิ่งกรูเข้ามาหา ฝ่ายหญิงพยายามยกมือไหว้ขอชีวิต พร้อมบอกว่าจำผิดคนหรือเปล่าหนูไม่ใช่นะ แต่กลุ่มคนร้ายทั้ง4ก็ไม่ฟังเลย หนึ่งในคนร้ายได้กระชากผู้หญิงลงจากรถ และทั้ง 4 คนช่วยกันรุมทำร้ายด้วยการเตะและกระทืบ ขณะเดียวกัน อีก 2 คนใช้อาวุธไม้และสนับมือตามไปทำร้ายฝ่ายชายจนได้รับบาดเจ็บ หลังก่อเหตุเสร็จ ทั้ง 4 คนก็พากันหลบหนีไป ภายหลังนายตินโกวินรีบนำร่างภรรยาส่งโรงพยาบาล และได้เข้าแจ้งความที่ สภ.โพธาราม แล้ว
นอกจากนี้ผู้เสียหายยังให้ข้อมูลผ่านล่ามว่า ตนและสามีเข้ามาอยู่เมืองไทยอย่างถูกกฎหมายทำงานอยู่ในพื้นที่นี้มานานกว่า 6 ปี ไม่เคยมีปัญหากับใคร ยกเว้นกรณีเพื่อนข้างห้องที่เคยมีปากเสียงกันเรื่องที่จอดรถ และเคยมีการลงไม้ลงมือกันเมื่อเดือนก่อน แต่ไม่มีการแจ้งความ ซึ่งผู้เสียหายยังระบุว่า ลักษณะของการทำร้ายในครั้งนี้ดูเหมือนมีเป้าหมายมาที่ผู้หญิงเป็นหลัก และคนร้ายทั้ง 4 คน ที่มารุมทำร้ายนั้นผู้เสียหายทั้งสองคนไม่เคนรู้จักมาก่อน อยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามคนร้ายทั้ง4มาดำเนินคดี และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดและอยากรู้ว่าเขามาทำร้ายทำไม ซึ่งวันเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายทั้ง 4 ไม่ได้พูดจาใด ๆ แต่ใช้เพียงภาษามือสื่อสารกัน ซึ่งจากลักษณะท่าทาง เชื่อว่าอาจเป็นชาวพม่าด้วยกัน
ด้านพ.ต.ท.พันธ์ฤกษ์ สร้อยทองมูล สารวัตรสืบสวน สภ.โพธาราม ให้ข้อมูลว่าหลังรับแจ้งความ ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยทันที และได้เรียกผู้เสียหายมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุ ซึ่งทางผู้เสียหายนั้นไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใครเลย จะมีก็กับเพื่อนข้างห้องที่เคยมีปัญหากันมาแต่ผ่านมาเดือนกว่าแล้วส่วนเรื่องที่มีปัญหากันคือเรื่องจอดรถขวางทางเข้าออก ทำให้มีปากเสียงกันถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแต่ก็ไม่ได้แจ้งความอะไร เพื่อความสบายใจของผู้เสียหายทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เชิญเพื่อนข้างห้องมาพูดคุย โดยทางเพื่อนข้างห้องยืนยันว่า ไม่ทราบเรื่อง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ เพราะได้ออกไปทำงานก่อนเกิดเหตุประมาณ 5-10 นาที
เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า คดีนี้คนร้ายมีพฤติกรรมโหดเหี้ยม แม้ฝ่ายหญิงจะยกมือไหว้ขอชีวิตก็ยังถูกทำร้ายอย่างหนัก ถือว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงและไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยจะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 4 รายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป