หมดเวลาทำผิด หมดสิทธิ์นอนบ้าน "ผู้ว่าฯนริศ" ผนึกกำลัง "ผู้การฯธีระเดช" แถลงผลกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ
หมดเวลาทำผิด หมดสิทธิ์นอนบ้าน "ผู้ว่าฯนริศ" ผนึกกำลัง "ผู้การฯธีระเดช" แถลงผลกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ
เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ลานปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระเดช อธิภัคกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร นายบรรพต จันทรวงษ์ ปลัดจังหวัดสมุทรสาครผู้กำกับการ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกรมการปกครองและตำรวจสังกัดภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดในชุมชน ผู้เสพส่งบำบัด สร้างชุมชนปลอดภัย ตามนโยบายรัฐบาล “No Drugs No Dealers” ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด สนองนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยโดยการแถลงผลครั้งนี้ ก็มีของกลางเป็นยาบ้ารวมทั้งหมดกว่า 2,300 เม็ด ยาไอซ์ 6.24 กรัม เคตามีน อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง
นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผวจ.สมุทรสาคร กล่าวว่า จากสถิติตัวเลขที่พบปัจจุบัน จังหวัดสมุทรสาครยังคงมีผู้ค้ายาเสพติดอยู่อีกประมาณ 90 กว่าราย และผู้เสพยาเสพติดอีกกว่า 300 ราย สำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด “No Drugs No Dealer” ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด ในห้วงเดือนนี้ คือช่วงปฏิบัติการเข้มข้นที่จะต้องนำผู้ค้ายาเสพติดทุกคนเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายให้ได้ครบทั้งหมด ส่วนผู้ที่ติดยาเสพติดจะต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาภายในค่ายกำแพงเพชรอัครโยธินเป็นเวลา 4 เดือน ซึ่งในส่วนของผู้ค้ายาเสพติด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจจะค้นหานำตัวมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน จึงขอประกาศไว้ว่า นับจากนี้หมดเวลาของคนทำผิด ไม่มีโอกาสได้นอนบ้านอีกแล้ว หากไม่ออกนอกพื้นที่ก็มีแต่เดินหน้าเข้าเรือนจำเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่ฯ ไม่ยอมปล่อยไปอย่างแน่นอนไม่ว่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนก็ตาม จะไม่มีสิทธิ์ใช้เงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ส่วนผู้เสพยาเสพติดก็ต้องไปอยู่ค่ายบำบัดเป็นเวลา 4 เดือน เสียสิทธิ์ต่างๆ มากมาย ทั้งไม่มีสิทธิ์นอนบ้านกับครอบครัว หมดสิทธิ์ทำงาน และหมดอิสรภาพในการใช้ชีวิตอย่างอิสระ ดังนั้นผู้เสพหากเลิกได้ขอให้หักดิบเลิกอย่างเด็ดขาด ก่อนที่จะถูกจับกุมตัวเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา พร้อมกันนี้ก็ขอให้ทุกภาคส่วนผนึกกำลังชุมชนแจ้งเบาะแสผู้ค้า ผู้เสพ แก่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนปลอดภัย ตามนโยบายรัฐบาล “No Drugs No Dealers” ผนึกกำลัง ชุมชนปลอดยาเสพติด
ด้านพล.ต.ต.ธีระเดช อธิภัคกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด 29 เป้าหมาย ทั่วทั้งจังหวัดสมุทรสาคร ผลการปฏิบัติจับกุมผู้ต้องหาได้ 10 คน ยาบ้า 2,307 เม็ด ยาไอซ์และเคตามีนอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมกับยึดทรัพย์สินรวมมูลค่า 340,000 บาท
ขณะที่ผลการปฏิบัติโดยรวมตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 - 1 สิงหาคม 2568 ได้มีการปิดล้อมตรวจค้น 42 เป้าหมาย จับผู้ต้องหาได้ 94 คน ยาบ้า 10,551 เม็ด ยาไอซ์ 1.04 กก. เคตามีน 0.53 กก. และยึดทรัพย์สินรวมมูลค่า 875,498 บาท ทั้งนี้ จังหวัดสมุทรสาคร และตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร จะได้ติดตามและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่องต่อไป ตามนโยบาย “No Drugs - No Dealers
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยอีกว่า สำหรับการกวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ได้ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายเบญจพลหรือเอ สุขมโน อายุ 47 ปี มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยสายลับสามารถติดต่อซื้อยาเสพติดจากนายเบญจพลหรือเอฯ ได้ และมีการนัดส่งยาบ้าและยาไอซ์กันที่บริเวณบ้านเลขที่ 99/238 ม.1 ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จากนั้นก็ได้วางแผนจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางเป็น ยาไอซ์จำนวน 30.65 กรัมและ ยาบ้า จำนวน 1,200 เม็ด จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายความผิดฐาน “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” และยังได้ขยายผลยึดทรัพย์ เป็นรถจักรยานยนต์ มูลค่าประมาณ 100,000 บาท จากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษและหมายจับค้างเก่าผ่านระบบ CRIMES สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า นายเบญจพลหรือเอฯ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 64/2568 ลง 2 มีนาคม 2568 ในความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด” อีกทั้งยังเคยต้องโทษคดีอาญา ในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เมื่อปี พ.ศ.2559 และพ้นโทษออกมาเมื่อปี พ.ศ.2562