‘ดร.ดนุวัศ’ ชี้!! ภาครัฐต้องบูรณาการ เครื่องมือดิจิทัล ลดภาระงานที่ทำซ้ำ เพิ่มความเร็ว เพื่อยกระดับ ประสิทธิภาพ เพิ่มความโปร่งใส เสริมสร้าง การมีส่วนร่วมของปชช.
(2 ส.ค. 68) รศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การใช้ AI ในภาครัฐ โดยได้ระบุว่า …
การบูรณาการเครื่องมือดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ากับการดำเนินงานภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถยกระดับ ประสิทธิภาพ เพิ่ม ความโปร่งใส และเสริมสร้าง การมีส่วนร่วมของประชาชน ได้อย่างมีนัยสำคัญ หากดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์ ดังนี้
1. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Efficiency)
AI และระบบดิจิทัลช่วยลดภาระงานที่ทำซ้ำ เพิ่มความเร็ว และลดข้อผิดพลาดของมนุษย์
1.1 ระบบอัตโนมัติ (RPA) ใช้ในกระบวนการที่ทำซ้ำ เช่น การจ่ายเงินเดือน การต่อใบอนุญาต การลงทะเบียน
1.2 Chatbot ภาครัฐ ให้บริการข้อมูลและตอบคำถามประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง เช่น ระบบสวัสดิการ การเสียภาษี
1.3 การวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ คาดการณ์และจัดสรรทรัพยากรได้แม่นยำ เช่น บุคลากรในโรงพยาบาล สถานการณ์ภัยพิบัติ
1.4 Digital ID / ระบบลงชื่อครั้งเดียว อำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐหลายหน่วยผ่านระบบเดียว
2. ส่งเสริมความโปร่งใสและตรวจสอบได้ (Transparency)
การใช้เทคโนโลยีช่วยลดโอกาสการทุจริตและเสริมสร้างความไว้วางใจจากประชาชน
2.1 Blockchain ใช้สำหรับระบบจัดซื้อจัดจ้าง การลงคะแนนเสียง การจดทะเบียนที่ดิน เพื่อความโปร่งใสและไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้
2.2 Open Data / Data Portal เผยแพร่ข้อมูลงบประมาณ ผลการดำเนินงาน และข้อมูลสำคัญของรัฐให้สาธารณชนเข้าถึงได้
2.3 ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลบัญชี หรือธุรกรรมเพื่อค้นหาความเสี่ยงหรือพฤติกรรมทุจริต
3. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน (Citizen Engagement)
เครื่องมือดิจิทัลเปิดโอกาสให้ประชาชนมีบทบาทในนโยบายและการตัดสินใจภาครัฐมากขึ้น
3.1 แพลตฟอร์มมีส่วนร่วมออนไลน์ ให้ประชาชนเสนอความคิดเห็น โหวตแผนงาน หรือร่วมตัดสินใจนโยบายท้องถิ่น
3.2 AI วิเคราะห์สื่อสังคม (Social Listening) ติดตามความคิดเห็นและความรู้สึกของประชาชนต่อโครงการหรือนโยบาย
3.3 Mobile App ภาครัฐ ให้บริการแบบเฉพาะพื้นที่ พร้อมระบบแจ้งเตือน เช่น เหตุฉุกเฉิน วันครบกำหนดต่าง ๆ
4. ปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงในการบูรณาการ
เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมทั้งระบบและบุคลากร
4.1 การกำกับดูแลข้อมูล (Data Governance) เน้นความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และจริยธรรมของการใช้ข้อมูล
4.2 พัฒนาทักษะบุคลากร (Capacity Building) อบรมข้าราชการให้เข้าใจดิจิทัล และ AI
4.3 การออกแบบที่ครอบคลุม (Inclusion by Design) สร้างระบบที่ใช้งานง่าย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ หรือพื้นที่ห่างไกล
5. ตัวอย่างกรณีศึกษานานาชาติ
- เอสโตเนีย (Estonia) มีบริการภาครัฐออนไลน์เกือบทั้งหมด
- สิงคโปร์ ใช้ AI ในการจัดการเมืองอัจฉริยะ เช่น การจราจร การบริการสาธารณสุข และการรับฟังความคิดเห็น
- สหราชอาณาจักร มี Government Digital Service (GDS) ที่พัฒนาบริการออนไลน์แบบรวมศูนย์ และประยุกต์ใช้ AI กับหลากหลายกิจกรรมของภาครัฐ