“บลจ.กสิกรไทย” ปลื้มแชมป์ “อันดับ 1” การลงทุนยั่งยืนในไทย ชี้เป็น “ทางรอด” ไม่ใช่แค่ “ทางเลือก”... พร้อมต่อยอดด้วยแนวคิด “Insight to Impact” สู่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน !!!
สาระ Fund วันละนิด: ในวันที่โลกเจอภาวะภูมิอากาศสุดขั้ว โลกเดือด เป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนให้ประชาคมโลกต้องมุ่งไปสู่เรื่องของ “ESG” และเป็นปัจจัยเร่งให้มีการเติบโตที่เร็วขึ้นเป็นเงาตามตัว เพื่อลดผลกระทบอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ ที่จะตามมา
“การลงทุนอย่างยั่งยืน” (Sustainable Investing) ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านสินทรัพย์ ESG ที่โลกที่เคยมีมูลค่า 12 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี2014 เพิ่มเป็น 35 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อสิ้นปี2024 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 40 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี2030
เรื่อง “ESG” จึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวที่จับต้องไม่ได้อีกต่อไป !!!
จากรายงาน “Sustainable Signals: Corporates 2025” โดย “Morgan Stanley’s Institute for Sustainable Investing” พบว่า 88% ของบริษัททั่วโลกกว่า 336 แห่ง มองว่าความยั่งยืนมีบทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์ระยะยาวขององค์กรและเป็นโอกาสในการสร้างคุณค่า
โดยบริษัทส่วนใหญ่ (กว่า 83%) ระบุว่าสามารถวัดผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้ ซึ่งสามารถประเมินผลได้เช่นเดียวกับการลงทุนประเภทอื่นๆ
จึงไม่น่าแปลกใจที่ “ESG” จะเป็นหนึ่งใน “Megatrend” ของโลกการลงทุนและเป็น “ทางรอด” ของโลกอย่างแท้จริง
หนึ่งในบลจ.ที่เป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนในไทย ก็คือ “บลจ.กสิกรไทย” ที่ทำมายาวนานต่อเนื่องตั้งแต่ปี2013
ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดกองทุน“ESG Fund” และ“SRI Fund” มากที่สุดในอุตสาหกรรม รวมมูลค่ากว่า 6หมื่นล้านบาท
วันนี้ “บลจ.กสิกรไทย” พร้อมที่จะขับเคลื่อนในการยกระดับมาตรฐาน “การลงทุนอย่างยั่งยืน” ของไทยสู่มาตรฐานสากล เรื่องราวจะเป็นเช่นไรนั้น ตามทีมงาน ‘Wealthy Thai’ ไปฟังมุมมอง “ผู้บริหารบลจ.กสิกรไทย” พร้อมๆ กันได้เลย
ความต้องการเรื่อง “ESG” หนุนการลงทุนอย่างยั่งยืนให้เติบโต…ตอบโจทย์ทั้ง “กำไร” และ “มิติด้าน ESG” ไปพร้อมกัน
โดย “วิน พรหมแพทย์” ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย บอกว่า บลจ.กสิกรไทยเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน “อันดับ 1” ของไทย เป็นบลจ.เดียวที่พูดในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและทำสม่ำเสมออยู่ในแผนธุรกิจของบริษัทชัดเจน ในอดีตการลงทุนอย่างยั่งยืนจะออกแนวการกุศลเป็นเรื่องสาธารณะประโยชน์ แต่ปัจจุบันการลงทุนอย่างยั่งยืนก็มุ่งเน้นในเรื่องของผลกำไรและการเติบโตเป็นตัวตั้งเช่นเดียวกันแต่มองในทุกมิติในเรื่องของความยั่งยืน ทำไม “ESG” จึงมีความสำคัญ 1) ช่วยบริษัทความเสี่ยง 2) ตอบสนองความต้องการของลูกค้า 3) ช่วยเพิ่มผลตอบแทน และ 4) ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย
“สำหรับผู้จัดการกองทุนเองนั้น การนำเรื่อง ESG มาอยู่ในกระบวนการลงทุนหลักๆ ก็เพื่อช่วยลดความเสี่ยง, ลดความผันผวน, ทำให้ผลตอบแทนต่อหนึ่งหน่วยความเสี่ยงดีขึ้น สร้างผลตอบแทนเหนือตลาด (Alpha) เราจึงเห็นเงินไหลเข้าสินทรัพย์ ESG ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ในไทยเองก็เช่นกัน”
ในโลกของ “ตราสารหนี้” รายงานวิจัยยังบ่งชี้ว่า พันธบัตรของประเทศที่ได้ “ESG Rating” สูง มีแนวโน้มจะได้ “Credit Rating” สูงกว่าด้วย
สำหรับ “หุ้นไทย” เองนั้น พบว่า หุ้นที่ได้ “ESG Score” สูงกว่า มีแนวโน้มที่จะ Perform ได้ดีกว่า
ส่วน “ESG Bond” ในไทยนั้น ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 9 แสนล้านบาท คิดเป็น 5.1% ของตลาดตราสารหนี้ที่มีมูลค่ากว่า 17.6 ล้านล้านบาท เท่านั้น ยังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก
“บลจ.กสิกรไทย” ผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน “อันดับ 1” ของไทย…ต่อยอดด้วยแนวคิด “Insight to Impact” สู่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ “บลจ.กสิกรไทย” มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investing) “อันดับ 1” ของไทย ภายใต้แนวคิด “Insight to Impact”มุ่งเน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินงานอย่างมีเป้าหมายหลัก 4ประการ ได้แก่ 1) Trusted Partner for Sustainable Investment Solutionsส่งมอบผลิตภัณฑ์และคำแนะนำด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนที่เชื่อถือได้และตอบโจทย์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลง 2) Strengthening Active Ownership & ESG Integrationยกระดับการมีส่วนร่วมกับกิจการที่ลงทุนและผสาน ESG เข้ากับกระบวนการลงทุน 3) Leadership in Governance & Transparencyผู้นำด้านธรรมาภิบาลและการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสภายใต้มาตรฐานสากล และ 4) Net Zero Commitmentความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในระดับการดำเนินงานขององค์กรและพอร์ตลงทุน
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง และในปี 2024 ได้ประกาศความร่วมมือด้านการลงทุนเพื่อความยั่งยืนกับ ‘ลอมบาร์ด โอเดียร์’(Lombard Odier) สถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ ในฐานะพันธมิตรที่ปรึกษาที่จะช่วยในการพัฒนากลยุทธ์และผลิตภัณฑ์การลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Investment) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล”
“บลจ.กสิกรไทย” มุ่งมั่นสู่การลดผลกระทบด้าน “ภูมิอากาศ”…พร้อมเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ “Net Zero” และ “Decarbonize the Portfolio”
เช่นเดียวกับ“ธิดาศิริ ศรีสมิต” Chief Investment Officerบลจ.กสิกรไทย ที่บอกว่า เรื่อง “ESG” เราทำต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่ปี2013 ความสำเร็จด้านความยั่งยืนของ “บลจ.กสิกรไทย” ในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในทุกมิติของ ESG ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลโดย ทางด้านสิ่งแวดล้อม สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน ได้แก่ การลงทุน และการดำเนินงานภายในองค์กร
ในส่วนการลงทุน บริษัทได้ตั้งเป้าหมาย Net Zero AUM (Asset under Management in Scope) Emission ภายในปี 2065อีกทั้งยังส่งเสริมและสนับสนุนการไปถึงเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทย ผ่านการพัฒนาและออกกองทุน “K-Target Net Zero” ซึ่งเน้นให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีแนวทางชัดเจนในการลดก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงมีการประเมินความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศที่มีผลต่อพอร์ตลงทุนของ บลจ.กสิกรไทย ตามแนวทาง Task Force for Climate-Related Financial Disclosure -TCFD) ติดต่อกันมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
“จะลงทุนในบจ./ผู้ออกหลักทรัพย์ที่กำหนดเป้าหมาย ‘Net Zero’ > 50% ของ AUM ในปี2030 และ > 70% ของ AUM ในปี2050 ทั้งนี้ได้มีการทำงานเชิงลึกในการติดตามบริษัทต่างๆ ที่ลงทุนว่าได้ทำตามเป้าหมายเรื่องความยั่งยืนได้ตามที่วางไว้หรือไม่”
ในส่วนการดำเนินงานภายในองค์กร บริษัทตั้งเป้าหมาย “Net Zero Target” ในส่วนของ Scope 1 และ 2ภายในปี 2030โดยในปี 2024 ได้ลดการใช้น้ำมันดีเซลในองค์กรลงไปกว่า 2,000ลิตร คิดเป็นสัดส่วน 41% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและตั้งเป้าเปลี่ยนเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ทั้งหมดในอีก 5 ปีข้างหน้า รวมการจัดซื้อใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates: RECs) เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ไฟฟ้าให้เป็นศูนย์ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการจัดการขยะภายในองค์กร ซึ่งลดปริมาณขยะรวมได้กว่า 20% และ ลดปริมาณขยะที่ส่งไปยังหลุมฝังกลบ 52% จากปีก่อนหน้า
สำหรับทางด้านสังคม บริษัทได้เผยแพร่ความรู้ด้านการลงทุนอย่างยั่งยืนผ่านบทความบนสื่อโซเชียลมีเดียและการสัมมนาสาธารณะต่างๆ อีกทั้งยังได้จัดกิจกรรม “KAsset Investment Boot Camp” เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนให้กับเยาวชน รวมถึงการจัดเสวนาพิเศษด้านความยั่งยืนประจำปี โดยเชิญผู้นำองค์กรชั้นนำของไทยทั้งภาครัฐและเอกชน มาร่วมหารือในประเด็นการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ซึ่งมีความสำคัญต่อการกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ขององค์กรให้เปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจโลกที่มีคาร์บอนต่ำ และมีความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ
ทางด้านธรรมาภิบาล บลจ.กสิกรไทย ยกระดับการปฏิบัติด้านธรรมาภิบาลและเปิดเผยข้อมูลให้เป็นมาตรฐานสากล โดยเป็นบริษัทจัดการกองทุนแห่งแรกของไทยที่ลงนามในหลักการการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบของสหประชาชาติ (UNPRI) รวมถึงการจัดทำรายงานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (TCFD)รวมถึงการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (CAC) ตั้งแต่ปี 2013อีกด้วย
สำหรับ “การลงทุนอย่างยั่งยืน” (Sustainable Investing) ไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” ในการลงทุนเท่านั้น แต่เป็น “ทางรอด” ของโลกที่กำลังมุ่งไป เป็นแนวโน้มแห่งอนาคต ซึ่งทาง “บลจ.กสิกรไทย” ยังคงยึดมั่นในความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย โดยพร้อมเป็นหนึ่งแรงขับเคลื่อนในการยกระดับมาตรฐาน “การลงทุนอย่างยั่งยืน” ของไทยสู่มาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง