“จตุพร” ลั่นไม่เอาเพื่อไทย–ขีดเส้นชัดหากได้เป็นรัฐบาลต้องยกเลิก MOU
“จตุพร” ลั่นไม่เอาเพื่อไทย–ขีดเส้นชัดหากได้เป็นรัฐบาลต้องยกเลิก MOU , แลนด์บริดจ์–พร้อมนัดชุมนุมใหญ่ 6 กันยายน ขับไล่ระบอบชินวัตร
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 31 สิ.ค.68 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย”ได้ขึ้นปราศรัย กล่าวว่า ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสภาพตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม” ทำให้รัฐบาลไม่มีสถานภาพมาแล้วกว่า 2 เดือน ส่งผลให้กลุ่ม “คณะหลอมรวมแผ่นดิน” ตัดสินใจจัดชุมนุมวันนี้ ทั้งนี้ หลายคนมีภารกิจรีบเร่ง บางคนจัดเตรียมตัวไม่ทัน แต่พวกเขายังตั้งใจต่อสู้เพราะโลกการเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะ “เร่งด่วน”
อีกทั้ง นายจตุพรได้ประกาศว่า “จะไม่สนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีเด็ดขาด” ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยนายจตุพรย้ำว่า ใครก็ได้ ขอให้ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า นโยบายในช่วงปี 2547 ได้นำไปสู่ปัญหาความไม่สงบที่ชายแดนใต้ จึงไม่ควรปล่อยให้ตระกูลหรือพรรคที่เคยก่อปัญหาเดียวกันนี้เข้ามายืนอยู่เบื้องหลังการบริหาร
“เพราะระหว่างไทย‑กัมพูชาคงไม่ต่างจากสามจังหวัดชายแดนใต้”
นอกจากนี้ นายจตุพรชี้ว่า แม้คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมบางพรรคจะสูงกว่า 40% แล้ว แต่ฝั่งพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมอื่นกลับไม่ได้เสียงถึงครึ่ง ซึ่งหมายความว่าต้องพึ่งคะแนนจากพรรคประชาชน ซึ่ง “พรรคประชาชนได้วางเงื่อนไขไว้อย่างชัดเจน”
อย่างไรก็ตาม หากพรรคประชาชนเลือกแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย กลุ่มรวมพลังแผ่นดินจะไม่ยอมรับ และจะนัดชุมนุมวันที่ 6 กันยายน ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตามเดิม
นายจตุพร เตือนว่า “หากพรรคประชาชนไม่เลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย หรือจากภูมิใจไทยแล้ว ก็เท่ากับปล่อยให้พรรคเพื่อไทยได้อำนาจ เพราะจะกลายเป็นรัฐบาลรักษาการที่มีนายภูมิธรรม ยืนอยู่เบื้องหน้า” ซึ่งจะอยู่ในสถานะรักษาการต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ เช่น ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2570
นายจตุพร กล่าวว่า มีช่วงหนึ่งที่ผู้สื่อข่าวถามความรู้สึกต่อภาพนายภูมิธรรมและพรรคประชาชนนั้น นายจตุพรกล่าวว่า “นั่นคือกลุ่มที่ ‘ความจำเสื่อม’ - เคยลงนามเอ็มโอยูที่ทรยศต่อประชาชน และตอนนี้พยายามให้ลืมอดีต” นายจตุพร ย้ำว่านี่คือสภาพการเมืองไทยที่ตกต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 เป็นต้นมา ในช่วงนั้นแหละที่สิ่งเลวร้ายเริ่มต้นจนถึงวันนี้
นายจตุพร ยกตัวอย่างว่าผู้บริหารประเทศชุดนี้มีนายกฯ สองคนในรอบสองปี ทั้งสองไม่ได้เป็นตัวอย่างของมาตรฐานจริยธรรม และดูเหมือนจะมีแผนจะนำ “คนที่สาม” ขึ้นมาอีก ซึ่งเขาปฏิเสธไม่ได้ว่า “เราจะยอมปล่อยให้บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้”
ด้านความมั่นคงระหว่างไทย - กัมพูชานั้น นายจตุพร กล่าวว่า จะไม่มีวันสิ้นสุดหากไม่ได้รัฐบาลที่เป็นหนึ่งเดียวกับกองทัพและประชาชน ซึ่งหากรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อน ทหารเองก็จะเสียศักดิ์ศรี และเรื่องผลประโยชน์จากฝั่งกัมพูชาที่เข้ามาในไทย เช่น ร้านปั๊ม ปตท. หรือร้านกาแฟอเมซอนที่เปลี่ยนชื่อ หรือการถือครองอสังหาริมทรัพย์ในไทย “รัฐบาลดูเหมือนไม่มีมาตรการอะไร” และ ประเทศไทยกำลังถูกตลาดและทุนจากกัมพูชากดทับอย่างเดียว
ส่วนประเด็นผลประโยชน์ในภาคธุรกิจ เช่น โครงการคาสิโน Entertainment Complex ย่านห้วยขวาง หรือโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ทยอยสร้างเกินความต้องการ นายจตุพรกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “พวกคุณสร้างปัญหาเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วบอกว่าต้องขยายเวลาออกไป แต่ถ้าอย่างนั้นพอครบ 99 ปี โครงการต่าง ๆ ก็จะเป็นของใครล่ะ ? ตลกกันไปแล้ว”
นายจตุพร ยืนยันว่า “ต้องหยุดพรรคเพื่อไทย หยุดระบอบชินวัตร - ขุดรากถอนโคนออกไป” และหากมีใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ขอให้เป็นคนที่ประชาชนกำหนด เงื่อนไขต้องชัดเจน เช่น ยกเลิกMOU43-44 , ยกเลิกสัญญาเช่าที่ 99 ปี ยกเลิกคาสิโน (Entertainment Complex) ทันที
“เราไม่ได้เลือกใครเป็นพิเศษ แต่อย่าให้เป็นพรรคเพื่อไทย” และภาคประชาชนต้องจับตาเงื่อนไขนั้นให้ชัดเจน นายจตุพร ย้ำว่า นี่ไม่ใช่แค่การชุมนุม แต่คือการขวาง “การทำลายชาติ” หากไม่ยืนหยัดปกป้อง - วันที่ 6 กันยายน - คือวันที่พี่น้องประชาชนต้องร่วมกันยืนหยัดเพื่อชาติ