เล่นพลาดเกือบพัง, เอกิติเก้ ไม่ธรรมดา! 5 ประเด็น ลิเวอร์พูล ชนะ บอร์นมัธ เปิดซีซั่นพรีเมียร์ลี
1. เอกิติเก้ ฟอร์มไม่ธรรมดา
ต้องยอมรับว่า อูโก้ เอกิติเก้ แบกรับแรงกดดันพอสมควรในฐานะหน้าความหวังใหม่ แต่ผลงานของเขาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นไปจนถึงเกมชิงโล่การกุศล คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ถือว่าน่าประทับใจมากๆ แต่สาวก "เดอะ ค็อป" ยังกังวลเรื่องเกมพรีเมียร์ลีก เพราะมันเข้มข้นกว่าแมตช์อื่นๆ ที่เขาเคยเล่น
อย่างไรก็ตาม สตาร์ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถเอาตัวรอดในเกมลีกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้อย่างไม่มีปัญหา ที่สำคัญแม้รูปร่างจะสูงโปร่ง แต่ความเร็วและไหวพริบเชิงลูกหนังโดดเด่นมากๆ
เอกิติเก้ เอาตัวรอดได้ดีเยี่ยมแม้จะโดนประกบติด จังหวะการจบสกอร์มีความนิ่งและเฉียบคม ขณะเดียวกันเขายังแสดงให้เห็นถึงการเล่นที่ไม่หวงบอล และการประสานงานกับแนวรุก โดยเฉพาะจังหวะแอสซิสต์ให้ โกดี้ คักโป
ตอนนี้ เอกิติเก้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะคนที่สองของ ลิเวอร์พูล ที่ยิงประตูและแอสซิสต์ในเกมเปิดตัวศึกพรีเมียร์ลีก หลัง ดาร์วิน นูนเญซ เคยทำได้ในแมตช์ปะทะ "เจ้าสัวน้อย" ฟูแล่ม เมื่อเดือนสิงหาคม 2022
2. ความผิดพลาดเกือบนำไปสู่หายนะ
เชื่อว่าแฟนบอลหงส์แดงคงรู้สึกโล่งใจตอนที่เห็น คักโป ซัดประตูให้ ลิเวอร์พูล นำห่าง 2-0 เพราะเชื่อว่า บอร์นมัธ คงจะเปิดเกมรุกมากขึ้น และทำให้ทีมมีพื้นที่ส่วนกลับ แต่ความผิดพลาดในเกมรุกทำให้ทีมต้องเหนื่อยกว่าจะได้สามคะแนน
จังหวะที่โดนตีไข่แตกต้องตำหนิ โดมินิค โซโบซไล ที่เล่นยากโดยไม่จำเป็นในการไขว้ขาโดน บอร์นมัธตัดบอลได้เกือบกลางสนาม ก่อนที่ทีมเยือนจะโชว์จังหวะสวนกลับอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่การจบสกอร์ของ อองตวน เซเมนโย่
ส่วนจังหวะที่เสียประตูที่สองมาจากความผิดพลาดในเกมรุกอีกครั้ง โดย ซาลาห์ ผ่านบอลไม่ดีให้กับ "โซโบ" และโดน บอร์นมัธ ตัดเกมและส่วนกลับเร็วทันที โดย เซเมนโย่ ลากยาวเกือบ 70 หลา พร้อมกับจบสกอร์ได้อย่างเฉียบคม
สำหรับแมตช์แรก โค้ชอาร์เน่อ สล็อต คงจัดติวเข้มลูกทีมอย่างหนัก เพราะความผิดพลาดแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น และถ้าหากเจอกับทีมใหญ่ที่มีเกมรุกโหดกว่านี้สถานการณ์ของ "หงส์แดง" อาจจะย่ำแย่มากกว่านี้ก็ได้
3. โม ซาลาห์ ยังพึ่งพาได้
หลายครั้งที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฟอร์มจะเงียบๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมต้องการทีเด็ดทีขาด "คิง ออฟ อียิปต์" มักจะโผล่มาได้ทันเวลาเสมอ ในแมตช์กับ บอร์นมัธ ก็เช่นกัน เพราะเขาแทบจะไม่ค่อยมีบทบาทอะไรมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้นในจังหวะที่ทีมเสียประตูที่สอง ต้องยอมรับว่า "บังโม" มีส่วนอย่างมาก เพราะเขาส่งบอลแบบสุดเท้าทำให้ โซโบซไล ไม่สามารถเข้าถึงบอลได้ และโดน เซเมนโย่ โชว์เลี้ยงเดี่ยวเข้าไปจบสกอร์อย่างสุดยอด
อย่างไรก็ตาม ความมหัศจรรย์ของ ซาลาห์ มักจะโผล่มาในยามคับขัน โดยจังหวะที่ทีมได้ประตูที่สาม เขาก็มีส่วนในจังหวะนี้เช่นกัน เพราะเป็นสารตั้งต้นก่อนที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า จะวอลเล่ยอย่างงามเข้าประตู จากนั้นความขยันและความเก๋าในการจบสกอร์ของเขาทำให้ทีมได้ประตูปิดกล่อง
ตอนนี้ สตาร์จากแดนไอยคุปต์ วัย 33 ปี กลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูในนัดเปิดสนามของพรีเมียร์ลีกเป็นฤดูกาลที่ 10 ติดต่อกัน หรือนับตั้งแต่ฤดูกาล 2016/2017 ที่ย้ายจาก โรม่า สู่ถิ่นแอนฟิลด์ในซีซั่นแรก และเป็นผู้เล่นคนแรกที่มีส่วนร่วมกับประตูทั้งยิงและแอสซิสต์ 15 ลูกมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกด้วย
นอกจากนี้ประตูในเกมกับบอร์นมัธยังเป็นลูกที่ 187 ของ "บังโม" ในพรีเมียร์ลีก ขึ้นมารั้งอันดับ 4 ร่วมกับ แอนดี้ โคล โดยตามหลัง อลัน เชียเรอร์ (260 ประตู), แฮร์รี่ เคน (213 ประตู) และ เวย์น รูนี่ย์ (208 ประตู)
4. เซเมนโย่ แจ้งโดนเหยียดผิว
เรื่องเหยียดผิวยังคงเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก โดยแมตช์นี้จำเป็นต้องหยุดในช่วงเกือบนาทีที่ 30 หลัง อองตวน เซเมนโย่ แนวรุกตัวเก่งของของบอร์นมัธ รายงานต่อผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ว่า เขาถูกเหยียดผิวโดยแฟนบอลคนหนึ่งในสนาม
จังหวะนั้น เทย์เลอร์ ได้เรียก โค้ชอาร์เน่อ และอันโดนี่ อิราโอล่า กุนซือบอร์นมัธ เข้ามาพูดคุยประมาณ 2 นาที ก่อนที่จะสั่งให้มีการแข่งขันเริ่มต่อไป และจากนั้นสถานการณ์แย่ๆ ก็ค่อยๆเงียบหายไป
แถลงการณ์ของพรีเมียร์ลีก ระบุว่า "เราขอให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับผู้เล่นและทั้งสองสโมสร การเหยียดผิวจะไม่มีที่ยืนในวงการฟุตบอล หรือในสังคมใดๆ เราจะเดินหน้าร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าสนามกีฬาของเราจะเป็นสถานที่ที่เปิดกว้างและต้อนรับทุกคน"
ทั้งนี้การเหยียดผิวยังคงเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการรณรงค์และเรียกร้องให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับคนที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ดังนั้นคงต้องลุ้นกันต่อไปว่า พรีเมียร์ลีก จะมีมาตรการที่เข้มงวดมากกว่านี้อีกหรือไม่
5. กรรมการนิ่ง, VAR ปล่อยผ่านจังหวะกังขาแฮนด์บอล
จังหวะปัญหาที่หลายคนคาใจในเกมนี้คงหนีไม่พ้นตอนที่ มาร์กอส เซเนซี่ พยายามใช้มือปัดบอลบริเวณกลางสนาม เพื่อทำให้ เอกิติเก้ เสียจังหวะ แต่ผู้ตัดสินดันปล่อยผ่าน ขณะที่ วีเออาร์ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
จากภาพรีเพลย์จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เซเนซี่ อ่านจังหวะบอลพลาด และนั่นทำให้เขาตัดสินใจใช้มือสะกิดบอลเพื่อเปลี่ยนทาง เพราะหากไม่ทำแบบนั้น เอกิติเก้ จะได้โอกาสหลุดเดี่ยวทันที แต่ เทย์เลอร์ ไม่เปาแฮนด์บอล ส่วนวีเออาร์เห็นด้วยกับผู้ตัดสิน
หากจังหวะดังกล่าว เทย์เลอร์ เปาแฮนด์บอล และวีเออาร์ยืนยันแบบเดียวกัน มีความเป็นไปได้สูงที่ เซเนซี่ จะโดนใบแดง เพราะจังหวะดังกล่าวถ้าปล่อยบอลหลุดไปถึง เอกิติเก้ งานนี้เจ้าตัวจะหลุดเดียวเข้าไปสอยตาข่ายได้เลย
แถลงการณ์ของพรีเมียร์ลีก ระบุประเด็นดังกล่าวว่า "ผู้ตัดสินที่ไม่ให้ใบแดงแก่ เซเนซี่ หลังมีการตรวจสอบและยืนยันจากวีเออาร์ โดยมองว่าจังหวะดังกล่าวไม่ใช่การทำแฮนด์บอลที่ชัดเจน และไม่เข้าข่ายการปฏิเสธโอกาสทำประตู (DOGSO) เนื่องจากระยะห่างจากประตู"
𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄