‘ตลาดสีเขียวยิ่งเจริญ’ แลนด์มาร์กสายกรีน
ย่านสะพานใหม่ มีตลาดฟีลดี เดินเพลิน รวมของกินของอร่อยหลากหลาย ไปจนถึงวัตถุดิบเพื่อสุขภาพ ผักสด ของสด ของทะเลมากมาย แม้กระทั่งของกินยุค 90’s ขนมโบราณที่ยังไม่หายไป เป็นของโปรดในความทรงจำวัยเด็ก อย่าง ”ตลาดยิ่งเจริญ “ ซึ่งเปิดให้บริการทุกวัน พ่อค้าแม่ค้าคึกคัก สายช้อปสายชิมเดินทางสะดวกติด BTS สะพานใหม่ เป็นทางรอดและทางเลือกของคนเมือง โดยเฉพาะชาวสะพานใหม่-บางเขน
ถ้าพูดถึงตลาดที่ปรับตัวให้ทันโลกยุคใหม่ ตลาดยิ่งเจริญ ซึ่งมีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ เป็นตลาดใหญ่ริมคลองอีกแห่งที่พัฒนาพื้นที่ให้เป็นตลาดสีเขียว ให้ความสำคัญด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมเมือง เป้าหมายสู่ตลาดสายกรีนต้นแบบ เติบโตเคียงข้างชุมชน นำมาสู่การจัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การรณรงค์ไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ และนำมาผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ระหว่างตลาดยิ่งเจริญ กับบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัท บางจาก และ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อขับเคลื่อน 2 โครงการสำคัญฉลองก้าวสู่ปีที่ 71 ตลาดยิ่งเจริญ ได้แก่ โครงการ “Fry to Fly” และโครงการ “ไม่ทอดซ้ำ” ณ อาคารยิ่งเจริญสแควร์ ตลาดยิ่งเจริญ เมื่อวันก่อน
ภายใต้ MOU ผู้ประกอบการร้านค้าภายในตลาดได้รับความรู้เกี่ยวกับการจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วอย่างครบวงจร รณรงค์ไม่นำน้ำมันมาใช้ซ้ำ หันมาใช้แนวทางการปรุงอาหารที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงก่อโรคมะเร็งแก่ผู้บริโภค ลดพฤติกรรมทิ้งน้ำมันลงท่อ ก่อให้เกิดมลภาวะต่อแม่น้ำลำคลองที่เป็นระบบนิเวศของเมือง พร้อมเปิดจุดรวบรวมน้ำมันใช้แล้วในตลาด คิกออฟรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากร้านค้าต่างๆ กระตุ้นความร่วมมือและสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ กิจกรรมทั้งหมดดำเนินการผ่านแพลตฟอร์ม“AssetWise GrowGreen” สำหรับการซื้อ-ขายน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ตรวจสอบได้ พร้อมเปลี่ยนมูลค่าน้ำมันให้กลายเป็น “คอยน์ดิจิทัล” ใช้จ่ายในตลาดได้จริง รววมถึงมีการเยี่ยมชมร้านค้า ทดสอบหาค่าสารโพลาร์ในน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว และมอบใบประกาศนียบัตร “ไม่ทอดซ้ำ” ให้กับร้านค้าสีเขียว
นางกัญจนิดา ตันติสุนทร กรรมการบริหารตลาดยิ่งเจริญ บริษัท สุวพีร์โฮลดิ้ง 2 จำกัด กล่าวว่า ตลาดยิ่งเจริญในฐานะส่วนหนึ่งของชุมชนย่านสะพานใหม่มีความตระหนักในปัญหาที่เกิดขึ้น ร่วมผลักดันโครงการ Fry to Fly และไม่ทอดซ้ำด้วยความร่วมมือผู้ค้า ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนน้ำมันใช้แล้ว เป็นบุญ” ร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมและการมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงของประชาชน ตลอดจนหนุนประชาชนมีส่วนร่วมดูแลสังคม โครงการนี้ได้รับความร่วมมือนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการโครงการ โดย บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีความโปร่งใส ถือเป็นการบริหารจัดการตามหลักสากล ESG
ผู้บริหารตลาดยิ่งเจริญเชื่อมั่นว่า น้ำมันที่ใช้แล้วจะเข้าสู่กระบวนการที่ได้มาตราฐานสากล คือ SAF ของบริษัทในเครือบางจาก ที่จะไม่นำน้ำมันกลับมาบริโภค แต่จะส่งต่อเพื่อเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน รายได้หลังจากหักค่าใช้จ่าย โครงการจะส่งมอบเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้กับโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ตลอดจนกิจกรรมการกุศลอื่นๆ สะท้อนว่า โครงการนี้ไม่ได้หยุดแค่การจัดการของเสีย แต่ปลูกจิตสำนึกรักษาสิ่งแวดล้อมและการแบ่งปันเพื่อจรรโลงสังคมอย่างยั่งยืน
ไม่ใช่แค่จัดการน้ำมันที่ใช้แล้วเท่านั้น แต่ยังมีโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนที่ตลาดสายกรีนแห่งนี้ ขับเคลื่อน อาทิ “คิดจากคลอง” พัฒนาแนวคลองสะพานใหม่–บางเขน ร่วมกับชุมชนและเขตบางเขน เพื่อเพิ่มคุณภาพน้ำ ฟื้นฟูระบบนิเวศและส่งเสริมกิจกรรมชุมชนริมคลอง , “แยกไขมันจากของเสีย” จัดการน้ำมันจากร้านค้าและแหล่งปรุงอาหารไม่ให้ปนเปื้อนลงสู่ระบบระบายน้ำ , “ปรับภูมิทัศน์-คืนชีวิตให้คลอง” ดำเนินการปรับปรุงแนวคลองบางเขนให้กลายเป็นพื้นที่เรียนรู้และพักผ่อนของชุมชนเมือง , “ส่งเสริมการจัดการขยะต้นทาง” วางระบบคัดแยกและรีไซเคิลอย่างครบวงจรร่วมกับผู้ค้าและลูกค้า หวังยกระดับให้ตลาดยิ่งเจริญเป็นมากกว่าแหล่งค้าปลีก แต่คือแหล่งเรียนรู้ของเมืองในอนาคต
นอกจากนี้ จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ Green Bank เป็นพื้นที่กลางในการสื่อสาร ถ่ายทอด และจัดเวิร์กชอปด้านสิ่งแวดล้อม เน้นการบริหารจัดการทรัพยากรหมุนเวียน เช่น น้ำมันใช้แล้ว เศษอาหาร ขยะอินทรีย์ เศษผัก ไปจนถึงการจัดการระบบน้ำเสีย เพื่อให้ชุมชนใกล้ตลาดสามารถเรียนรู้และนำไปปรับใช้ได้จริง
นายนิพนธ์ เลิศทัศนีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารโครงการ วิศวกรรมและโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน และกรรมการคณะผู้บริหาร บีเอสจีเอฟ กล่าวว่า ความร่วมมือผ่านโครงการ Fry to Fly และการรณรงค์ไม่ทอดซ้ำที่มุ่งจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วอย่างเป็นระบบ ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่สร้างคุณค่าใหม่ให้กับของเสีย โดยนำไปผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF ที่เป็นพลังงานสะอาดแห่งอนาคต โดยยกระดับโครงการด้วยการจัดเก็บและติดตามด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลต่อยอดให้ตลาดยิ่งเจริญเป็นต้นแบบภาคเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนควบคู่กับการส่งเสริมสุขภาพผู้บริโภค ขณะเดียวกันมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมเมือง และจะเป็นจุดเริ่มต้นขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆ สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนให้กับประเทศ
การพัฒนาแพลตฟอร์มสร้างเมืองกรุงเทพที่ยั่งยืน นายวุฒิ วิพันธ์พงษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารความยั่งยืนทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อม แอสเซทไวส์ กล่าวว่า แพลตฟอร์ม “AssetWise GrowGreen’ พัฒนาขึ้นมาช่วยขับเคลื่อนให้เกิดพฤติกรรมเชิงบวก โดยออกแบบระบบดิจิทัลที่ไม่เพียงบันทึกข้อมูลการส่งต่อน้ำมันใช้แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส แต่ยังสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการรายย่อย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ด้วยระบบ “Coin” ที่สามารถใช้แทนเงินสดกับร้านค้าในตลาดได้จริง เรา
“ การบูรณาการ เทคโนโลยี และความร่วมมือกับตลาดยิ่งเจริญ และบีเอสจีเอฟ เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนเมืองที่ยั่งยืน และเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลได้ในวงกว้าง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน พร้อมผลักดันสังคมไทยสู่ความยั่งยืนในระยะยาว เงินได้จากการสนับสนุนแพลตฟอร์ม โดยไม่หักค่าใช้จ่าย บริษัท จะมอบให้โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช หรือองค์กรสาธารณะกุศลต่อไป “ นายวุฒิ กล่าว
นับเป็นอีกตัวอย่างตลาดสายกรีน จุดประกายให้กับตลาดในพื้นที่ กทม.ตลอดจนชุมชนน้อยใหญ่ร่วมเติมสีเขียวให้กับชีวิต