สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 3 ก.ย. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.เชียงราย (78 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครพนม (97 มม.) ภาคกลาง : จ.พระนครศรีอยุธยา (81 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ตราด (93 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ประจวบคีรีขันธ์ (42 มม.) ภาคใต้ : จ.นราธิวาส (50 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : วันนี้ :”ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 40–06 ก.ย. 680บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 70% ของความจุเก็บกัก (56,186 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 55% (32,064 ล้าน ลบ.ม.)
สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (2 ก.ย. 68) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง และนครปฐม ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลุ่มน้ำ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
สทนช. ได้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง ตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำและฝนในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคมจากการคาดการณ์กรมอุตุนิยมวิทยาร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) พบว่า ในช่วงวันที่ 2 – 6 ก.ย. 68 บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้จะมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านบริเวณดังกล่าว ประกอบกับคาดการณ์ว่าใน 7 วันข้างหน้าจะมีปริมาณน้ำไหลมาจากภาคเหนือลงสู่ตอนกลางของประเทศผ่านที่ จ.นครสวรรค์ ในอัตราประมาณ 2,200-2,300 ลบ.ม. ต่อวินาที สทนช. จึงได้ระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานและคณะกรรมการในกลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำท่าจีน ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำบางปะกง และลุ่มน้ำเจ้าพระยา ร่วมกันวางแผนบริหารจัดการน้ำและเตรียมการรองรับสถานการณ์น้ำของเขื่อนขนาดใหญ่ในตอนบนของประเทศ เช่น เขื่อนสิริกิติ์ ภูมิพล และป่าสักชลสิทธิ์ คาดว่าจะมีน้ำไหลเข้าเขื่อนอย่างต่อเนื่อง จึงต้องวางแผนเพิ่มการระบายน้ำเพื่อป้องกันความเสี่ยงน้ำล้นและรักษาความมั่นคงของเขื่อน นอกจากนี้ กรมชลประทานได้เร่งระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1,500 ลบ.ม. ต่อวินาที ระยะเวลาประมาณ 10-15 วัน เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับมวลน้ำจากฝนตกหนักในช่วงถัดไป ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณฝนมากในพื้นที่ลุ่มน้ำสะแกกรัง บริเวณ จ.อุทัยธานี และกำแพงเพชร สำหรับพื้นที่ท้ายน้ำที่ได้รับผลกระทบ ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้วางแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณนอกคันกั้นน้ำในพื้นที่ อ.เสนา บางบาล และผักไห่ เพื่อช่วยลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด โดยศูนย์ส่วนหน้าฯ จะสนับสนุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของทุกหน่วยงานในการแก้ไขสถานการณ์น้ำหลากและอุทกภัยในพื้นที่ให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และให้ตรวจสอบ เตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ บุคลากร และสถานีโทรมาตร ให้มีความพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ทั้งนี้ การระบายน้ำในอัตราดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อบางพื้นที่ของ จ.พระนครศรีอยุธยาและปทุมธานี จึงกำชับให้หน่วยงานประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ได้มากที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 2 ก.ย. 68