เบสท์ ปณิชา ลูกสาว เอ๋ ไพโรจน์ ยินดียกทรัพย์สินในส่วนที่มาร่วมกันให้อดีตภรรยาคนล่าสุดของพ่อ เอ๋ พลอยรัช ขอเป็นผู้ร่วมจัดการมรดก พิสูจน์ปมหนี้สิน
ไนน์เอ็นเตอร์เทน
อัพเดต 2 กันยายน 2568 เวลา 1.20 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • NineEntertain ข่าวบันเทิงอันดับ 1 ของไทยประจันหน้ากันครั้งแรกในชั้นศาล ระหว่าง เบสท์ ปณิชา ลูกสาวนักแสดงผู้ล่วงลับ เอ๋ ไพโรจน์ และ เอ๋ พลอยรัชษ์ อดีตภรรยาคนล่าสุดของเอ๋ ไพโรจน์ หลัง เบสท์ ได้มีการยื่นเอกสารการจัดการมรดก ขณะที่อดีตภรรยาคนล่าสุดที่ใช้ชีวิตกับ เอ๋ ไพโรจน์ มา 20 ปี ก็ได้มีการยื่นเอกสารคัดค้านการจัดตั้งผู้จัดการมรดกในครั้งนี้ โดยมองว่าทรัพย์สินบางส่วนของ เอ๋ ไพโรจน์ ตนมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งเพราะบางส่วนคือทรัพย์สินที่เคยสร้างจากการทำมาหากินร่วมกันโดยการเปิดธุรกิจ พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่การแย่งสมบัติอย่างที่หลายคนเข้าใจ โดยเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ 13.00 น. ที่ศาลสมุทรปราการ เบสท์ ปณิชา เดินทางมาพร้อม ทนายชวนากร อรุณนวพงศา เข้าไต่สวนคำร้องจัดการมรดก โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า วันนี้รู้สึกสบายใจ แต่ไม่ได้มีการคุยส่วนตัวกับฝั่งอดีตภรรยาของคุณพ่อเอ๋ ยังย้ำว่าเหตุการณ์นี้ ไม่น่าเป็นเรื่องได้ ทุกวันนี้อีกฝ่ายยังคงสามารถเข้าบ้านได้ หลังจากไต่สวนคำร้องในวันนี้ อีกฝ่ายมีเอกสารหลักฐานว่ามีทรัพย์สินส่วนที่หามาได้ร่วมกันกับคุณพ่อ ตนยินดียกให้ แต่การให้ได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่อยู่ที่ตัวเรา แต่อยู่ที่พฤติกรรมของอีกฝ่าย และสิ่งที่เรามองเห็นด้วย มั่นใจว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่ตรงกัน ยอมรับว่าห่วงวิญญาณคุณพ่อ เพราะนิสัยคุณพ่อเป็นคนที่ชอบห่วงคนอื่น คิดว่าพ่อรับรู้ได้ในสิ่งที่เบสท์กำลังรู้สึก เราไม่โทษพ่อ เพราะรู้ที่ผ่านมาพ่อพยายามทำเต็มที่ในสิ่งที่ทำได้ คุณพ่อไม่ได้ปล่อยปะละเลย เขาพยายามเสียสละให้ส่วนของตัวเอง แต่มันแค่ยังไม่สำเร็จเท่านั้นทั้งนี้ศาลสมุทรปราการ นัดทั้งสองฝ่ายไต่สวนอีกครั้ง ในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่จะถึงนี้
ด้าน ทนายความส่วนตัวของ เบสท์ เผยว่าจะมีการหยิบเรื่องคุณสมบัติของผู้ร่วมจัดการมรดกมาใช้ อาทิ วาระสุดท้ายของชีวิตที่ไม่ไม่ได้มีส่วนในการจัดการ และอื่น ๆ และจำมีการการนำพยานบุคคลมาด้วย อาทิ น้าตึ๋ง กันตนา ที่คนในวงการรู้จักกันดี ซึ่งถ้ายืนยันว่าสิ่งที่ต้องการเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน เรายินดีให้ทันที และที่ผ่านมา เอ๋ ไพโรจน์ ไม่ได้สั่งเสียใด ๆ ไว้เลยด้วย เพราะไม่เคยคิดว่า 3 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา จะเป็นวันสุดท้ายของเขา
ฟาก เอ๋ พลอยรัชษ์ อดีตภรรยาคนล่าสุดของ เอ๋ ไพโรจน์ พร้อมด้วย อี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม เดินทางมาคัดค้านการขอตั้งแต่งเป็นผู้จัดการมรดก ยังย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่เคยคิดแย่งสมบัติใด ๆ เพียงแต่ต้องการเป็นผู้ร่วมจัดการมรดกเท่านั้น เพื่อที่จะแบ่งในส่วนของตัวเอง ที่มีเพียงตัวเองที่รู้ว่าชิ้นไหนสร้างมาร่วมกับ เอ๋ ไพโรจน์ ในส่วนของหนี้สินที่ลูกสาวอ้างว่าคุณพ่อมีหนี้ที่ไม่รู้ว่าหากขายทรัพย์สินจะใช้หนี้หมดมั้ยนั้น หากตนได้เป็นผู้ร่วมจัดการมรดกจะต้องมีการพิสูจน์กันต่อไปว่าหนี้นั้นเกิดขึ้นตอนไหน เกี่ยวข้องกับตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันหรือไม่ ตามกฎหมายทนายความเผยว่า หนี้สินส่วนใหญ่มักตกอยู่กับทายาทเพียงเท่านั้น ซึ่งยังไม่ขอลงรายละเอียดใด ๆ รอให้ขั้นตอนการขอเป็นผู้ร่วมจัดการมรดกผ่านไปก่อน ซึ่งในวันที่ 29 ตุลาคม ฝ่ายตนตั้งใจนำพยาน 4 ปากมาขึ้นศาลด้วย หลังจากนี้ตั้งใจทำหน้าตัวเองให้ดีที่สุด หวังว่าศาลจะเมตตา.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน