สธ.ตรวจ สถานชีวาภิบาล วัดพระบาทน้ำพุ พบ เพิ่งจดทะเบียนปี 67
นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่าวันนี้ได้พาทีมงานกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมด มาที่วัดพระบาทน้ำพุว่า มีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง ในการดำเนินการของวัดพระบาทน้ำพุ ที่มีข่าวในการบริหารงานของเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุว่า มีการทุจริตหรือเปล่าตามที่เป็นข่าว ไม่ว่าจะเป็นความผิดในแต่ละประเภท ทั้งเรื่องสำนักพระพุทธศาสนา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าเข้าข่ายความผิดอะไรบ้าง
ส่วนมีข้อสงสัยว่า ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา วัดพระบาทน้ำพุมีชื่อเสียงด้านการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ แต่ไม่เคยมีการขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาล ทำไมจึงไม่เคยมีการดำเนินการเอาผิดใด ๆ มาก่อนนั้น นายธนกฤต ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาทางกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่เคยได้รับการร้องเรียน และยังไม่เคยปรากฏว่ามีความเสียหายเกิดขึ้น แต่หลังจากนี้หากพบว่า มีการรักษาพยาบาล หรือการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น หากในการรับบริจาคระบุว่า จะนำเงินไปใช้รักษาพยาบาลผู้ป่วย แต่ไม่ได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ก็จะถือว่ามีความผิด ซึ่งทั้งหมดต้องรอการตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงอาจต้องรอให้มีผู้ร้องเรียน หรือแจ้งข้อมูลเบาะแสเข้ามาก่อนด้วย
ยังพบว่า มีการขอใบอนุญาตปลูกกัญชา เมื่อปี 2567 เนื้อที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร ด้วยบอกว่า เพื่อการจำหน่ายแปรรูปและส่งออกด้วย โดยระบุชื่อเป็นบริษัทเอกชน ซึ่งในส่วนนี้ก็อาจจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องต่อไป
ส่วนศพผู้เสียชีวิตที่โชว์ไว้ในพิพิธภันฑ์เป็นร่างดองไว้ให้นักท่องเที่ยวชมนั้น ไม่มีใบอนุญาต ผิดพ.ร.บ.การเก็บศพ ศพต้องไปฌาปนกิจ หน้าที่ของการดูแลศพเป็นท้องถิ่น เอาไว้อย่างนี้ไม่ได้ โดยสรุปว่า สถานชีวภิบาลนั้นยังไม่พบความผิด
ด้านนพ.อุดม อัศวุฒมางกุร สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 4 เปิดเผยว่า เรื่องแรกที่มาดูคือจุดสถานชีวาภิบาล ซึ่งเป็นจุดพักพิงผู้ป่วยติดเชื้อระยะสุดท้าย เป็นการดูแลไม่ใช่การรักษา และกรมอนามัยจะดูเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดตามสุขลักษณะ ก็มีการกำจัดขยะติดเชื้ออย่างไร กำจัดของเสียอย่างไร ซึ่งถือว่าสามารถจัดการได้ดี
ประเด็นที่ 2 คือเรื่องการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีระยะสุดท้าย ซึ่งที่วัดมีผู้ป่วย 60 คน พักรักษาตัวนอนรวมกันอยู่ ส่วนผู้ป่วยติดเชื้ออีก 60 ราย ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จากพักรักษาอยู่ตามบ้านพัก พบว่าเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เพราะมีการไปเบิกยาจากโรงพยาบาลพระนารายณ์แล้วนำมาให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในส่วนของอาคารมีทั้งหมด 3 ส่วน อาคารที่เป็นชีวาภิบาลก็เป็นไปตามที่กรมอนามัย ได้พิจารณาอนุญาตไปแล้ว แต่ในส่วนของอาคารที่เอาไว้ใช้สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าใจว่า ไปรับยาจากโรงพยาบาล และนำยาตรงนี้มาจ่ายยาตามที่แพทย์สั่ง ซึ่งกลไกส่วนนี้ถือว่าถูกต้องตามมาตรฐาน แต่ในอนาคตต้องมาขอขึ้นทะเบียนเป็นเนอสซิ่งโฮมจะดีที่สุด เพราะการให้บริการโดยแคร์กิฟเวอร์ ต้องมีการอบรมขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ
ส่วนอาคารเมตตาธรรม ซึ่งเป็นอาคารร้าง อาคารนี้พบข้อพิรุธหลายส่วนด้วยกัน เช่น ถังออกซิเจน รถฉุกเฉิน การเคลื่อนย้ายยาสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน ในห้องตรวจแพทย์ นอกจากนี้ยังพบห้องกดจุดผู้ป่วยด้วย ซึ่งในส่วนนี้ต้องสืบสวนอีกรอบ ซึ่ง สปส.จังหวัดจะร่วมมือกันสืบสวนดูว่าพยานหลักฐานเป็นอย่างไรบ้าง เราจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฏหมายต่อไป
นพ.ประสาน ชัยวิรัตนะ ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 4 กล่าวว่า ในส่วนของกรมอนามัย เป็นเรื่องของการเก็บศพที่เป็นธรรมสังเวช เก็บไว้ให้ดูเพื่อปลงอาบัติ แต่จำนวนศพที่พบตอนนี้มี 20 ศพ และมีการฉีดฟอร์มาลีน สภาพศพเก็บมาหลาย 10 ปีแล้ว แห้งเป็นปกติ แต่ พ.ร.บ.ที่ดูแลเรียกว่า พ.ร.บ.ฌาปนสถานและสุสาน ซึ่ง พ.ร.บ.นี้ควบคุมโดยท้องถิ่น จากการสอบถามเทศบาลเขาสามยอดที่เข้าร่วมตรวจสอบด้วย ท่านเรียนว่ายังไม่มีการร้องเรียน ซึ่งหากมีการร้องเรียนหรือแจ้งกล่าวโทษ จึงจะดำเนินการต่อได้ ทั้งนี้ ศพทั้งหมดต้องนำไปฌาปนกิจ
สำหรับการเบิกเงินของผู้เสียชีวิต ทางวัดเป็นคนเบิกจากสปสช. แต่ก็ต้องไปตรวจสอบ เบื้องต้นทราบว่าเมื่อปี 67 วัดเบิกไปประมาณ 160,000 บาท ส่วนก่อนที่จะเปิดเป็นสถานชีวาภิบาล เบิกไปประมาณ 130,000 บาท แต่จะไปตรวจสอบว่าการเบิกถูกต้องหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรผิดสังเกต หากเทียบกับที่วัดต้องดูแลคนน่าจะมากกว่าและเงินที่เบิกไป
#วัดพระบาทน้ำพุ