DSI สอบปากคำ 2 พยาน‘ที่ดินเขากระโดง’ จ่อรับคดีพิเศษ ออกโฉนดเกิน 50 ไร่

DSI เชิญ ‘กุสุมาลวตี-ทนายอั๋น’ เข้าให้ปากคำพยานเพิ่มเติม ‘ที่ดินเขากระโดง’ ก่อนเตรียมเสนออธิบดีดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษออกโฉนดที่ดินเกิน 50 ไร่โดยมิชอบ-ฟอกเงิน

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม ดำเนินการสืบสวนเรื่องข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐและเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย

เป็นเรื่องสืบสวนที่ 97/2568 พร้อมให้สอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน ประสานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย และจังหวัดบุรีรัมย์

โดยคณะพนักงานสืบสวนกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม ซึ่งได้สืบสวนเรื่องข้อร้องเรียนการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ โดยมิชอบ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐและเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย ได้เชิญสอบปากคำพยาน นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท หรือเจ๊แมว เพื่อนำถ้อยคำร้องทุกข์กล่าวโทษประกอบเข้าสำนวนการสืบสวนก่อนประมวลเรื่องเสนออธิบดีดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ

พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการสืบสวนเรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และการลงพื้นที่พบส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลสำคัญที่ได้พบคือ แผนที่ ที่ได้รับจากสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ แขวงการทางรถไฟลำปลายมาศ รวมถึงสำนักงานธนารักษ์พื้นที่บุรีรัมย์ เราได้พบว่าพื้นที่ต่าง ๆ มีหน่วยงานของรัฐประมาณ 12 แห่งที่อยู่ในพื้นที่เขากระโดง อีกทั้งเรายังพบว่ามีที่ดินที่อยู่ในเอกสารสิทธิในพื้นที่เขากระโดงอีกจำนวนมาก

หากดูจากพื้นที่ จะพบว่ามันจะมีพื้นที่ 51 แปลง (ห่างจากรางรถไฟโดยประมาณ 480 เมตร) ซึ่งในสารบบที่ดิน ระบุว่า เป็นการได้ที่ดินมาก่อนการรถไฟฯ ในปี พ.ศ. 2462 ก็คือปี พ.ศ. 2447 นอกจากนี้ ในบริเวณใกล้เคียงกันก็ยังมีเอกสารสิทธิอีก 11 แปลง ที่ได้มาก่อนการรถไฟฯ ในปี พ.ศ. 2458 (ห่างจากรางรถไฟโดยประมาณ 340 เมตร) เท่ากับว่าจะมี 2 กลุ่มที่เราพบในสารบบที่ดินว่ามีกา รอ้างว่าได้มาก่อนการรถไฟ

สำหรับพื้นที่ต่าง ๆ ที่อยู่ภายใน 5,083 ไร่นั้น พบว่า เมื่อเดือน ก.ค.67 มีการรังวัดใหม่โดยเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ และสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ มีผลการรังวัดได้เป็นเนื้อที่ 4,414 ไร่ ซึ่งจำนวน 4,414 ไร่นี้มันก็คือตำแหน่งเดิม แต่ที่ดีเอสไอพบเพิ่มเติม มันคือที่ดินที่มีจำนวน 271 แปลง ซึ่งอาจมาจากการขยาย หรือแบ่งแยก แต่ล้วนเป็นที่ของการรถไฟฯ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดี การรถไฟฯ กลับได้มีการรับรองว่ามันไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของการรถไฟฯ ทั้งนี้ เมื่อดีเอสไอดูแล้วก็พบว่ามันอยู่ในเส้นของการรถไฟฯ นี่คือข้อเท็จจริงที่ดีเอสไอพบ

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ส่วนการจะเสนอเรื่องขอให้อธิบดีดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษอย่างไรนั้น วันนี้ดีเอสไอ ได้เชิญผู้ร้องทุกข์ทั้ง 2 ราย คือ นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท และนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้ามาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมเพื่อประกอบการร้องเรียน

นอกจากนี้ ดีเอสไออยู่ระหว่างการรอเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ที่จะเข้ามาเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษเรื่องที่ดินเขากระโดงทั้งหมด จึงต้องย้ำว่าดีเอสไอดำเนินการสืบสวนว่า มีการกระทำผิดในพื้นที่พิพาทเขากระโดงหรือไม่ อย่างไร และมีการกระทำผิดทางอาญาอย่างไรบ้าง เป็นการออกโฉนดที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ถ้าสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่า เป็นการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ คณะทำงานจะขยายผล และประมวลเรื่องเพื่อให้เป็นคดีพิเศษต่อไป ขณะนี้จึงต้องเร่งรวบรวมข้อมูลจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และเพื่อทวงคืนที่ดินของรัฐกลับมาสู่รัฐต่อไป

ส่วนวันนี้ที่คณะพนักงานสืบสวนได้เชิญผู้ร้องทุกข์ทั้ง 2 ราย มาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมนั้น เชื่อว่าจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับที่ดินเขากระโดงมากขึ้น ซึ่งประเด็นที่ใช้สอบถามทั้งคู่อาจแตกต่างกัน โดยในส่วนของ นางกุสุมาลวตี จะสอบถามความเกี่ยวข้องของการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ว่ามีการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบอย่างไรบ้าง ตามที่ผู้ร้องได้เคยยื่นเรื่องไว้

ในส่วนของทนายอั๋น จะเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อปี 2554-2555 มีการเดินสำรวจ ออกโฉนดที่ดินในช่วงนั้นอย่างไรบ้าง เพราะอาจมีกลุ่มการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากทราบว่าทนายอั๋น ได้ลงพื้นที่บุรีรัมย์เช่นกัน และเป็นคนบุรีรัมย์ที่พอจะมีข้อมูล ทั้งนี้ แม้เราจะได้ข้อมูลจากการรถไฟฯ มาพอสมควรแล้ว แต่เราได้ให้การรถไฟฯ หาข้อมูลอื่นมาเพิ่มเติมด้วย เพื่อจะได้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ส่วนข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณา หากจะรับเป็นคดีพิเศษนั้น ถ้าเป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐ จะเป็นความผิดตามกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 มาตรา 108 ทวิ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ แต่ต้องบุกรุกที่ดินเกินกว่า 50 ไร่ ซึ่งในส่วนนี้เราพบว่ามีโฉนดที่ดิน 3 แปลงที่เกินกว่า 50 ไร่ แต่ต้องไปตรวจสอบให้แน่ชัดว่ายังมีที่ดินแปลงอื่นที่ยังไม่ปรากฏอีกหรือไม่

รวมทั้งคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ถือเป็นคดีมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน เมื่อถึงตอนนั้นดีเอสไอจะประสาน ปปง. ให้ตรวจสอบและดูเรื่องเส้นทางการเงินประกอบกัน

ส่วนที่มีชาวบ้านบางส่วนในพื้นที่ได้นำเอกสารสิทธิโฉนดที่ดินว่า เป็นการครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้น พ.ต.ต.ณฐพล ระบุว่า เรื่องนี้เราได้ไปสอบถามยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีข้อมูลว่ามีชาวบ้านมาร้องทุกข์จริงภายหลังมีคำพิพากษาของศาลปกครอง เพราะชาวบ้านกลัวได้รับความเดือดร้อน

เนื่องจากศาลระบุว่าพื้นที่เป็นของการรถไฟฯ ชาวบ้านกว่า 300 ราย จึงร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างรอรายละเอียดจากศูนย์ดำรงธรรมฯ เพื่อประกอบนำเข้าสำนวน

เมื่อถามถึงกรณีมีสิ่งปลูกสร้างของเอกชนยังคงมีการใช้ประโยชน์อยู่ในพื้นที่เขากระโดงนั้น พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ตนมองว่าตราบใดที่ยังมีชื่อในกรรมสิทธิ์ที่ดิน ก็ยังใช้ประโยชน์ได้ จนกว่าจะถูกเพิกถอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องไปขับไล่ตามอำนาจหน้าที่ ถ้าถึงวันนั้นหากไม่ยินยอมออกไป อาจมีความผิดทางอาญาได้

หากเรื่องนี้ได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว ดีเอสไอก็จะเดินหน้าสอบปากคำพยานทั้งหมด โดยจะเชิญมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เราจะสอบปากคำเพื่อพิสูจน์ทุกประเด็น จะไม่ใช่แค่การสอบปากคำพยานเจ้าหน้าที่รัฐเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสอบปากคำพยานที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน โดยเฉพาะที่มีการกล่าวอ้างสองส่วนว่า เป็นที่ดินที่ได้มาก่อนปี พ.ศ. 2447 และเป็นที่ดินที่ได้มาก่อนปี พ.ศ. 2458

หากดูจำนวนที่ดินที่เกี่ยวข้องในตอนนี้มี 995 แปลง และในนี้ก็มีหน่วยงานของรัฐเข้าไปตั้งอยู่พื้นที่พิพาท 12 แห่ง จึงต้องรอดูว่าการรถไฟฯ มีนโยบายอย่างไรกับพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากทราบว่าบางรายอาจให้เช่า หรือบางรายอาจมีการต่อสู้ทางคดี จึงต้องรอทางการรถไฟฯ ว่าจะประสงค์ให้ดีเอสไอดำเนินการอย่างไรบ้าง

ส่วนที่ทนายเขากระโดง ตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้ยังเป็นเพียงเรื่องสืบสวน ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ เหตุใดดีเอสไอจึงลงพื้นที่เกี่ยวข้อง และมองว่าจะกระทบสิทธิ์ของประชาชนหรือไม่ พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า เราดำเนินการทุกอย่างอยู่ในกรอบกติกาของกฎหมาย ซึ่งอำนาจการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอไม่กระทบใคร

การที่เราลงพื้นที่ คือการไปประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอย่างเดียว เพื่อที่เราจะได้รับและรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง ย้ำว่าเราไม่ได้ลงไปในส่วนของพื้นที่ที่มีกรรมสิทธิ์ในปัจจุบัน ยืนยันว่าไม่กระทบสิทธิ์อย่างแน่นอน

มีรายงานเพิ่มเติมภายในคณะพนักงานสืบสวนว่า คาดว่าจะมีการประมวลเรื่องและเสนอขออธิบดีดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ อย่างเร็วที่สุดคือช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : DSI สอบปากคำ 2 พยาน‘ที่ดินเขากระโดง’ จ่อรับคดีพิเศษ ออกโฉนดเกิน 50 ไร่

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th