“รมช.อัครา” ดันผลงานวิชาการวิจัยพัฒนาดินไทยด้วยนวัตกรรม ต่อยอดสู่แผนพัฒนาโครงสร้างดินประเทศไทย หนุนเครือข่ายขยายองค์ความรู้ เสริมแกร่งเกษตรกร
“รมช.อัครา” ดันผลงานวิชาการวิจัยพัฒนาดินไทยด้วยนวัตกรรม ต่อยอดสู่แผนพัฒนาโครงสร้างดินประเทศไทย หนุนเครือข่ายขยายองค์ความรู้ เสริมแกร่งเกษตรกร
(27 ส.ค.68) นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดประชุมวิชาการกรมพัฒนาที่ดิน ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ "ดินนำ น้ำตาม นวัตกรรมก้าวล้ำ นำสู่เกษตรไทยยั่งยืน" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 - 29 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรม ดิ อิมพีเรียล โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ พิษณุโลก จ.พิษณุโลก ว่า การประชุมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานวิชาการดีเด่นในสาขาต่าง ๆ และเป็นเวทีพบปะของนักวิชาการกรมฯ ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านงานวิจัย ให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาเครือข่ายงานวิจัยร่วมกัน ซึ่งการพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และงานวิจัยมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาภาคการเกษตรและการพัฒนาประเทศ
รมช.อัครา กล่าวอีกว่า กรมพัฒนาที่ดิน มีบทบาทสำคัญยิ่งในการบริหารจัดการที่ดิน ที่ผ่านมามีการนำผลงานวิชาการและองค์ความรู้จากผลงานวิจัยกรมฯ ไปใช้ประโยชน์ในเชิงประจักษ์ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของกระทรวงฯ และช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยหลักการ “ดินนำ น้ำตาม” คือการฟื้นฟูปรับปรุงบำรุงดิน พัฒนาที่ดินด้วยระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ให้เกษตรกรสามารถจัดการดินได้เหมาะสมกับพืช ส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนตามศาสตร์พระราชา โดยมีเครือข่ายหมอดินอาสาเป็นหัวใจสำคัญ และหลักการ “นวัตกรรมก้าวล้ำ” ที่สร้างนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีสามารถนำไปใช้ปฏิบัติจริงได้ในพื้นที่ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการดิน ลดผลกระทบจากภัยพิบัติภาคการเกษตร ต่อยอดนวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมถึงหลักการ “นำสู่เกษตรไทยอย่างยั่งยืน” ที่ส่งเสริมและขยายผลงานวิจัย โดยเฉพาะงานวิจัยเชิงบูรณาการร่วมกับเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการขยายผลสู่พื้นที่ก่อให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน
“ได้มอบนโยบายให้กรมพัฒนาที่ดิน นำผลงานวิชาการในวันนี้ไปต่อยอดเพื่อจัดทำแผนพัฒนาโครงสร้างดินประเทศไทย ทั้งในระยะสั้น ระยะยาว และระยะเร่งด่วน โดยเฉพาะในส่วนของ การอนุรักษ์ดินและน้ำเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลาย ซึ่งขณะนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่อย่างมาก หากมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน จะช่วยให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถบูรณาการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป” รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ กล่าว
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวเสริมว่า การประชุมในครั้งนี้นับเป็นเวทีที่สำคัญ โดยมุ่งหวังให้เกิดการบูรณาการงานวิชาการในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ได้งานวิจัยและนวัตกรรมที่สอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่จริง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาดิน ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยนักวิชาการและหมอดินอาสาที่เข้าร่วมในครั้งนี้ จะได้รับองค์ความรู้และนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน รวมทั้งนำเทคโนโลยีและผลสำเร็จจากงานวิชาการไปปรับใช้ในการวางแผนการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม ซึ่งภายในงานมีกิจกรรม อาทิ การบรรยายพิเศษและการเสวนาวิชาการ ในหัวข้อที่เป็นประเด็นสำคัญทางด้านการพัฒนาที่ดินและทางด้านการเกษตร รวมทั้งการนำเสนอผลงานวิชาการดีเด่น ภาคบรรยาย และภาคนิทรรศการ โดยแบ่งตามสาขาวิชาการ 7 สาขา ได้แก่ สาขาอนุรักษ์ดินและน้ำ สาขาเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน สาขาการจัดการดินปัญหา สาขาปรับปรุงบำรุงดิน สาขาจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรดิน/ที่ดิน และการประยุกต์ใช้ สาขาวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม สาขานโยบายเศรษฐสังคมและการบริหารจัดการภาครัฐ ซึ่งผลงานวิจัยทั้งหมดจะนำไปพัฒนาต่อยอดในพื้นที่ของเกษตรกร ถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรโดยนักวิชาการของสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัด และหมอดินอาสา รวมทั้งสร้างสัมพันธภาพและเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ และนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน