ดอลลาร์อ่อนค่า หลัง CPI ออกมาตามคาด หนุนเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า หลัง CPI ออกมาตามคาด หนุนเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการคาดการณ์ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้านี้
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/8) ที่ระดับ 32.38/40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เคลื่อนไหวในกรอบแคบจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/8) ที่ระดับ 32.32/33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวานนี้ (12/8)
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ค.ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือน ก.ค. เมื่อวานนี้ (12/8) สะท้อนว่าต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้นจากภาษีนำเข้าได้ผลักดันให้เงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวแข็งแกร่ง โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือน ก.ค.เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดบ 28% เล็กน้อย และทรงตัวจากระดับ 2.7% ในเดือน ม.ย. และเมื่อเทียบรายเดือนดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือน ก.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือน มิ.ย.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายปี เร่งตัวขึ้นจากระดับ 2.9% ในเดือน มิ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. และสูงกว่าระดับ 0.2% ในเดือน มิ.ย.
นอกจากนี้ เจพีมอร์แกน (J.P.Morgan) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมนโยบายเดือน ก.ย. หลังจากพบสัญญาณความอ่อนแอในตลาดแรงงาน และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อกรรมการเฟดคนใหม่
อีกทั้งยังระบุว่า ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้เฟดอาจต้องเร่งลดดอกเบี้ยลง โดยคาดว่าจะลดลง 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ก่อนเฟดยุติวงจรการผ่อนคลายนโยบาย และสถานการณ์ซับซ้อนขึ้นอีกเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์เสนอชื่อ สตีเฟน มิแรน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ให้เข้ารับตำแหน่งกรรมการเฟดชั่วคราว แทนที่เอเดรียนา คูเกลอร์ ซึ่งลาออกจากตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้
การเสนอชื่อนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากทรัมป์ที่เรียกร้องมานานให้เฟดลดดอกเบี้ย ขณะที่ทรัมป์และพาวเวลล์มีจุดยืนที่ขัดแย้งกันในเรื่องนโยบายการเงินที่เข้มงวด
ทั้งนี้ แม้ยังไม่แน่นอนว่า มิแรนจะได้รับการยืนยันตำแหน่งทันเวลาก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย.หรือไม่ แต่หากเขาได้รับการแต่งตั้ง อาจเพิ่มความขัดแย้งภายในคณะกรรมการกำหนดนโยบาย โดยหากมิแรนร่วมลงมติ อาจมีกรรมการ 3 คนที่ลงคะแนนเสียงค้านกับมติหลักของที่ประชุม ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูง
นอกจากนี้ มิเชล โบว์แมน รองประธานฝ่ายกำกับดูแลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความเห็นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9/8) ว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่ออกมาซบเซายิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้เป็นแนวทางที่เหมาะสม ขณะที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวเมื่อวานนี้ (12/8) ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ก.ย. พร้อมระบว่า เฟดควรลดดอกเบี้ยไปตั้งแต่เดือน มิ.ย.แล้ว
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือน ก.พ. และ เม.ย. 68 ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.27-32.41 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 32.27/28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/7) ที่ระดับ 1.1679/80 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/8) ที่ระดับ 1.1644/46 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (12/8) ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 34.7 ในเดือน ส.ค. จากระดับ 52.7 ในเดือน ก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 39.8
โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงกดดันจากความผิดหวังต่อข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรป (EU) กับสหรัฐ รวมถึงผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจที่ซบเซาของเยอรมนีในไตรมาสที่ 2 นอกจากนี้ การปรับตัวลงของดัชนียังมีสาเหตุจากเศรษฐกิจเยอรมนีที่หดตัวลง 0.1% ในไตรมาสที่ 2 หลังจากการเร่งซื้อสินค้าไปก่อนหน้าเพื่อรับมือมาตรการภาษี ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1667-1.1720 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1717/18 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/8) ที่ระดับ 147.97/148.01 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/8) ที่ระดับ 147.67/68 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ (8/8) ที่ผ่านมา มีรายงานสรุปความคิดเห็นจากที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า ธนาคารญี่ปุ่น (BOJ) อาจยุติท่าทีแบบ “รอดูสถานการณ์” (Wait-and-see) ได้ภายในสิ้นปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือกับแรงกดดันจากมาตรการขึ้นภาษีได้ดีกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อการเติบโตของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของกรรมการรายหนึ่งในการประชุมชี้ว่า BOJ อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อทยอยปรับนโยบายการเงินกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และต่อสู้กับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต (CGPI) ของญี่ปุ่นซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดระดับราคาสินค้าและบริการที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บระหว่างกัน ชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือน ก.ค. โดยขยับขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี ชะลอลงจากระดับ 2.9% ในเดือน มิ.ย. แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% เล็กน้อย
ตัวเลขดังกล่าวตอกย้ำมุมมองของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ว่าแรงกดดันด้านราคาจากต้นทุนวัตถุดิบจะค่อย ๆ ลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาค้าส่งสินค้าในกลุ่มอาหารและสินค้าเกษตรยังคงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแรงกดดันด้านราคากำลังขยายวงกว้าง และน่าจะทำให้ตลาดยังคงคาดหวังว่า BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
โดยข้อมูลจาก BOJ ที่เผยแพร่วันนี้ (13/8) ชี้ว่า แม้ราคาสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์และเหล็กกล้าจะปรับตัวลดลง แต่ราคาสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มกลับเพิ่มขึ้นถึง 4.2% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 147.16-148.16 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 147.21/25 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับปัจจัยที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (14/8), ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (14/8), ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของยูโรโซน (14/8), และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของญี่ปุ่น (14/8), การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. (15/8), ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก (15/8), ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือน ส.ค. (15/8)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -8.2/-7.9 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6.8/-4.8 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดอลลาร์อ่อนค่า หลัง CPI ออกมาตามคาด หนุนเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net