คนรักช็อกโกแลตเตรียมใจ? ราคาพุ่งต่อเนื่อง จากวิกฤตโกโก้
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 22 สิงหาคม 2568 เวลา 21.43 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น - ข้อมูลจากสำนักข่าว CNBC ระบุว่า คนรักช็อกโกแลตต้องเตรียมตัวรับมือกับราคาสินค้าที่อาจจะสูงขึ้นอีกระลอก เนื่องจากผลกระทบจากราคาโกโก้ที่พุ่งสูงขึ้น กำลังส่งผลถึงผู้ค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อาจจะมีข่าวดีในเทศกาลอีสเตอร์ปีหน้า
โดยราคาโกโก้ในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สาเหตุมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน, การระบาดของศัตรูพืช และปัญหาอุปทานในแถบแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งผลิตโกโก้ถึง 3 ใน 4 ของโลก นอกจากนี้ ยังมีภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ต้นทุนสินค้าโดยรวมสูงขึ้นทั่วโลก และส่งผลให้ความต้องการขนมหวานลดลงอีกด้วย
นอกจากนี้ ผลสำรวจจากกลุ่มผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรพบว่า ช็อกโกแลตเป็นสินค้าที่มีอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อปีสูงสุดถึง 11% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ในสหรัฐฯ ราคาของผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอย่าง Hershey’s Kisses ก็พุ่งขึ้นราว 12%
ราคาโกโก้ยังไม่ลดลงในระยะสั้น
ด้าน Adalbert Lechner หัวหน้าบริษัทช็อกโกแลตและขนมหวานยักษ์ใหญ่จากสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวว่า เขาไม่คิดว่าราคาโกโก้จะกลับไปสู่ระดับเดิมอีกแล้ว แม้ว่าราคาโกโก้ล่วงหน้าในปีนี้ จะเริ่มปรับตัวลดลงเล็กน้อย จาก 8,177 ดอลลาร์ต่อตัน ในช่วงเดือนมกราคม เหลือประมาณ 7,855 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม แต่ก็ยังสูงกว่าราคาเมื่อสามปีก่อนที่อยู่ที่ 2,374 ดอลลาร์อย่างมาก
ตลาดยังคงขาดแคลนเมล็ดโกโก้?
ฟาก Tracey Allen นักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าเกษตรจาก J.P. Morgan อธิบายว่า การที่ราคาโกโก้ลดลงล่าสุด จะยังไม่ส่งผลให้ราคาช็อกโกแลตลดลงในระยะสั้น เนื่องจากผู้ผลิตยังคงต้องรับมือกับต้นทุนโกโก้ที่สูงมาก จากไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ที่ราคาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้กำลังถูกส่งต่อมายังผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดยังคงขาดแคลนเมล็ดโกโก้ ทำให้ราคาจะยังคงสูงต่อเนื่องไปอีกนาน
แนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าสถานการณ์อาจดีขึ้นในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ปีหน้า เนื่องจากอุปสงค์จากผู้ผลิตเริ่มลดลงในขณะที่อุปทานเริ่มดีขึ้น ทั้งจากสภาพอากาศที่ดีขึ้น และการปลูกต้นโกโก้ใหม่ในเอกวาดอร์และบราซิลที่กำลังเติบโตเต็มที่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตในอนาคต แม้ว่าราคาโกโก้จะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ประมาณ 6,000 ดอลลาร์ต่อตันเลยทีเดียยว
ทั้งนี้ Hamad Hussain นักเศรษฐศาสตร์ด้านภูมิอากาศและสินค้าโภคภัณฑ์จาก Capital Economics มองว่าปัญหาที่ยืดเยื้อในแหล่งผลิตหลักอย่างไอวอรีโคสต์และกานา เช่น โรคระบาดและการลงทุนที่ต่ำมานานหลายปี จะทำให้ปริมาณอุปทานโกโก้ทั่วโลกยังคงตึงตัว ทำให้ราคาจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่น ค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร และผลกระทบจากภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ
สรุปแล้ว ผู้บริโภคจึงมีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญกับราคาช็อกโกแลตที่สูงไปอีกระยะหนึ่ง
ที่มา : CNBC