ย้ายข้างแล้วเอาใหญ่!สื่อเขมรแพร่บทความฟ้องสหรัฐฯ อ้างไทยเป็นตัวขวางทรัมป์รับ'โนเบลสันติภาพ'
สื่อมวลชนกัมพูชาเผยแพร่บทความกล่าวหาไทยละเมิดกฎบัตรนานาชาติต่างๆนานา ทั้งที่เพิ่งบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่มีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นคนกลางและได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ พร้อมระบุพฤติกรรมดังกล่าวกำลังเป็นตัวขัดขวางประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ต่อการคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
สำนักข่าวแคมโบเดียเนสส์ เผยแพร่บทความพาดหัว Thailand is Blocking President Trump’s Path to the Nobel Peace Prize ในวันพฤหัสบดี(21ส.ค.) โจมตีไทยว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจะกลายเป็นการบั่นทอนโอกาสรับรางวัลโนเบลสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
บทความของแคมโบเดียเนสส์ อ้างว่าเมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม กองกำลังไทยข้ามเข้าสู่ดินแดนของกัมพูชา ความเคลื่อนไหวที่เป็นการเหยียบย่ำกฎบัตรสหประชาชาติ, กฎบัตรอาเซียน และหลักการสำคัญของอำนาจอธิปไตย ก่อนที่อีก 4 วันต่อมา ในเมืองปุตราจายา ทาง อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ร่วมด้วยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ หล่อหลอมข้อตกลงหยุดยิง ที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในฐานะการผ่าทางตัน
แคมโบเดียเนสส์ บอกว่าข้อตกลงดังกล่าวกระตุ้นการเฉลิมฉลองของชาวกัมพูชาทั้งภายในประเทศและในต่างแดน โดยในเมืองต่างๆของสหรัฐฯ ชาวกัมพูชาพลัดถิ่นชุมนุมขอบคุณทรัมป์ ขณะที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ถึงขั้นเสนอชื่อผู้นำอเมริกา สำหรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
อย่างไรก็ตาม แคมโบเดียเนสส์ อ้างว่าชัยชนะดังกล่าวเวลานี้อยู่ในภาวะสั่นคลอน กองทัพไทยยังคงกัดเซาะข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ทำให้สันติภาพอันเปราะบางของกัมพูชาและภาพลักษณ์ของทรัมป์ในฐานะผู้สร้างสันติภาพแขวนอยู่บนเส้นด้าย
สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุว่าหลักคิดนำทางในนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลทรัมป์ มีการวางเงื่อนไขต่างๆที่ชัดเจน ดังที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศเคยอธิบายไว้บ่อยครั้ง ว่าทุกการตัดสินใจจะตัดสินโดยคำถามหลัก 3 ประการ ประกอบด้วย "มันทำให้อเมริกาปลอดภัยขึ้นหรือไม่ มันทำให้อเมริกาแข็งแกร่งข้นหรือไม่ และมันทำให้อเมริการุ่งเรืองกว่าเดิมหรือเปล่า?"
บทความของแคมโบเดียเนสส์ชี้ว่าสำหรับมาตรวัดแห่งความจริงใจใดๆ ปัจจุบันพฤติกรรมไทยอยู่บนเส้นทางแห่งความล้มเหลวในการผ่านแต่ละบททดสอบเหล่านี้ ไทยละเมิดอธิปไตยของกัมพูชาซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเพิกเฉยต่อเสถียรภาพในภูมิภาคที่สั่นคลอนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อความบาดหมางแก่เหล่าพันธมิตร พร้อมกับสร้างศัตรูใหม่ๆ
สำนักข่าวแคมโบเดียเนสส์ ระบุว่าในขณะเดียวกันมันทำให้ความมุ่งมั่นของวอชิงตันที่จะอดทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวอ่อนแอลงกว่าที่ตั้งใจไว้ บั่นทอนการทูตสหรัฐฯในเวทีโลก การยังคงเดินหน้าสนับสนุนพันธมิตรหนึ่งๆที่บ่อนทำลายผลประโยชน์อเมริกา ไม่ใช่การแสดงออกถึงความเข้มแข็ง แต่เป็นพฤติกรรมบ่อนทำลายตนเองในทางยุทธศาสตร์
แคมโบเดียเนสส์ อ้างว่า กัมพูชา ไม่ได้มองหาความขัดแย้ง กัมพูชาเป็นประเทศที่ยังคงกำลังฟื้นตัวจากสงครามที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับสันติภาพและการพัฒนา ไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่ากัมพูชาจะยั่วยุ ชาติเพื่อนบ้านที่ร่ำรวยกว่าและแข็งแกร่งกว่า
อย่างไรก็ตามทาง แคมโบเดียเนสส์ กล่าวหาว่า ไทย ได้เปลี่ยนความก้าวร้าวเป็นยุทธศาสตร์ เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน ละเมิดบรรทัดฐานต่างๆที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยพูดคัดค้าน ไทยขุดรากถอนโคนพื้นที่เพาะปลูกทั้งทางพลเรือนและทางการทหาร รวมถึงบ้านเรือนของชาวบ้าน เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขายังคงควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 รายโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยที่กำลังพลเหล่านี้ถูกจับกุมหลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ ซึ่งสวนทางกับคำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่บอกว่าจะพาตัวประกันทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ 20 วันต่อมา พวกเขายังคงถูกคุมตัวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ครั้งที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร้องขอเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์นานาชาติ ไทยปฏิเสธโดยสิ้่นเชิง การปฏิเสธนั้นบอกอะไรได้มากมาย พันธมิตรที่ไม่มีอะไรปิดบังจะยินดีต่อการตรวจสอบ แต่ไทยเปิดเผยตัวตนในฐานะผู้ขัดขืนและไม่น่าเชื่อถือ จากคำกล่าวอ้างของแคมโบเดียเนสส์
บทความของแคมโบเดียเนสส์ ปิดท้ายว่าสถานะความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีทรัมป์ มีแก่นกลางอยู่ที่การรับประกันข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย ความสำเร็จนี้จะทำให้เขาได้รับคำขอบคุณจากคนหลายล้าน หรือแม้กระทั่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แต่ ไทย ยังคงก้าวร้าวกัดเซาะรางวัลดังกล่าว จนกว่าจะลงโทษไทย ไทยจะยังคงเป็นอุปสรรคต่อประธานาธิบดีทรัมป์ ในการรับรางวัลอันทรงเกียรติ ในฐานะผู้สร้างสันติภาพอย่างแท้จริง ในเวทีโลก
(ที่มา:แคมโบเดียเนสส์)
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO