“เพื่อไทย”จะกลายเป็น ตัวแปรขั้วใหม่ !?
เมืองไทย 360 องศา
แน่นอนว่าช่วงนี้หากสังเกตให้ดี จะเป็นช่วงที่กำลังแข่งขันแย่งชิงอำนาจทางการเมืองระหว่าง พรรคการเมืองสำคัญสอง-สามพรรค คือ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย โดยได้เห็นความเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก ทั้งการพบหารือระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ตามมาด้วยข้อเสนอ “นายกฯคนกลาง” นายกคนนอก รวมไปถึงนายกเฉพาะกิจ ว่ากันไป ขณะที่พรรคเพื่อไทย ที่เวลานี้ตัวนายกรัฐมนตรีถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ก็พยายามขัดขวางกีดกันอย่างเต็มที่ อ้างว่าตัวนายกฯยังอยู่ และพรรคร่วมรัฐบาล ก็ยังผนึกกำลังเหนียวแน่นกันอยู่ ไม่จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจ แต่อย่างใด
นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีมีข้อเสนอเรื่องนายกรัฐมนตรีชั่วคราวว่า ปัจจุบันการเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 คือ การเลือกจากบัญชีของพรรคการเมืองที่เคยเสนอไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฉะนั้น แม้ว่าจะมีบางคนเสนอว่านายกฯ ชั่วคราว แม้จะอยู่ในบัญชีของพรรคการเมืองก็ตาม โดยมีการวางเงื่อนไขให้มีการประกาศยุบสภา ต้องเรียนว่าวิธีการดูจะเร่งร้อนและชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไป
นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า รัฐบาลยังมีเวลาอีก 2 ปี ยังมีเวลาที่จะนำงบประมาณไปดูแลประชาชน พัฒนาโครงการลงทุนใหญ่ๆอีกเยอะ เชื่อว่าอีก 2 ปีรัฐบาลจะยืนหยัดสร้างความเชื่อมั่น แม้ว่าช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ก็เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณต่อนายกฯ
นายจิรวัฒน์ กล่าวต่อว่า แม้ว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะรักษาราชการแทนนายกฯ แต่ท่านมีอำนาจเต็มทุกประการ ในการบริหารคน บริหารงบประมาณต่างๆ ตนเองเชื่อว่า ไม่มีอะไรสะดุด สามารถเดินไปได้ตามปกติ
“ฉะนั้น ขอยืนยันเสถียรภาพของรัฐบาล ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อีกครั้งว่า ท่านมีความมุ่งมั่น ตั้งใจเพื่อที่จะรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและพรรคการเมืองต่างๆ ที่มาร่วมกันลงเรือลำเดียวกัน ที่จะต้องนำนโยบายที่เคยแถลงไว้ต่อรัฐสภา นำไปสู่การปฏิบัติจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทย” นายจิรวัฒน์ ระบุ
แน่นอนว่า นอกเหนือจากความพยายามกีดกันพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ให้เสนอตัวเข้ามาแข่งขันช่วงชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีแทน น.ส.แพทองธาร แล้ว พรรคเพื่อไทย ยังพยายามเคลื่อนไหวเพื่อกู้ศรัทธาให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และ ตัวนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง โดยเฉพาะหากสังเกตจากงานแสดงวิสัยทัศน์ของกระทรวงวัฒนธรรม ที่มี อดีต 2 นายกรัฐมนตรี อย่าง นายทักษิณ ชินวัตร และ นายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็นวิทยากร แสดงวิสัยทัศน์กันอย่างเต็มที่ มีการโหมโรงการจัดงานกันอย่างยิ่งใหญ่ และในงานดังกล่าวยังมีการแสดงวิสัยทัศน์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รวมอยู่ด้วย ซึ่งงานนี้ใครๆ ก็ย่อมมองออกว่า นี่คือการ “โปรโมต” น.ส.แพทองธาร หวังกู้คืนศรัทธาให้กลับมาอีกรอบ โดยนายทักษิณ และการขอแรงจาก นายเศรษฐา ให้ช่วยดันกันอีกแรง ส่วนจะได้ผลแค่ไหน ก็ต้องรอดูกันวันนั้น
โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า จะรอดูว่านายทักษิณ จะแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ รวมถึงอีกหลายท่าน จะสามารถกอบกู้ศรัทธาของประชาชน ที่ขณะนี้ได้สูญเสียศรัทธาไปแล้วได้หรือไม่
เมื่อถามว่า ให้เวลารัฐบาล 2 ปี แล้ว ยังต้องโชว์วิสัยทัศน์อยู่ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตัดสินแทนประชาชนได้ แต่ในฐานะนักการเมืองทุกพรรค การที่เขามีโอกาส แสดงวิสัยทัศน์ เขาก็สามารถแสดงได้ ตนในฐานะหัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้าน เรามีหน้าที่สื่อสาร วิพากษ์วิจารณ์ ได้เหมือนกัน แต่สุดท้ายคนที่ตัดสินใจ คือประชาชน
มีรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะถ่ายทอดวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond” ในวันที่ 9 ก.ค. และ วันที่ 10 ก.ค. 12.45-13.45 น. นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ จะร่วมเสวนากับ “บัวขาว” บัญชาเมฆ และ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในหัวข้อ “Rethinking Thai Sports in a Disruptive Era” จึงขอเชิญชวนประชาชน มาร่วมสัมผัสปรากฏการณ์ ซอฟต์เพาเวอร์ไทยแบบครบวงจร
แน่นอนว่า งานแบบนี้มองออกไม่ยากว่านี่รายการ “ช่วยเหลือ โปรโมต” กันเต็มที่ อย่างน้อยก็เป็นการ “อัปเกรด” กระทรวงวัฒนธรรม ที่น.ส.แพทองธาร นั่งว่าการอยู่ ให้เป็น “กระทรวงเกรดเอ”ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาสถานการณ์จริงกันในเวลานี้ ทั้งตัว น.ส.แพทองธาร พรรคเพื่อไทย รวมไปถึง นายทักษิณ ชินวัตร ถือว่าเครดิตมีความย่ำแย่ ตกต่ำลงถึงขั้นต่ำเตี้ยแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนบรรดานักสังเกตการณ์ทางการเมืองมองเห็นถึงแนวโน้มการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทย อาจจะมี ส.ส.มาเป็นอันดับสาม อาจจะพ่ายแพ้ให้กับพรรคภูมิใจไทยเสียด้วยซ้ำ เพราะเวลานี้ สำหรับพรรคเพื่อไทยแทบจะไม่มีจุดขายเลย จากการทำงานทั้งของ น.ส.แพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องบอกว่า “ล้มเหลว” อย่างสิ้นเชิง
ล้มเหลว ในขณะที่รับรู้กันดีว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ผลที่ออกมาก็ยังได้เท่าที่เห็น และความหมายที่เคยโอ้อวดว่า “พรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็น” ใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ทำให้น่าจับตาว่าในการเลือกตั้งคราวหน้า หากยังมองไม่เห็นแนวโน้มในทางบวก ก็น่าจะทำให้ “สถานะ” ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก
แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเล็กลง แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงที่ยังจะได้ร่วมรัฐบาล และยังจะกลายเป็น “พรรคตัวแปร” ที่สวิงข้างไหนก็เป็นรัฐบาล แต่หากให้ทำนายอนาคต ก็น่าจะเทไปทาง “ขั้วอนุรักษ์นิยม” ที่นำโดย พรรคภูมิใจไทย มากกว่า ขั้วของพรรคประชาชน แม้ว่าจะมีข่าวความเคลื่อนไหวในเรื่อง “ดีลลับฮ่องกง” ในช่วงผ่านมา ระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถูกมองว่าเป็นเจ้าของพรรคประชาชนตัวจริงก็ตาม เพราะในการเลือกตั้งครั้งหน้าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย น่าจะไม่ใช่คนในครอบครัวสายตรงของ นายทักษิณ อีกแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะเป็นเครือญาติมากกว่าคนในครอบครัวโดย ตรงประเภท ลูกสาว เขย อะไรประมาณนี้
ดังนั้น เมื่อเป็นคนอื่นที่อยู่นอกครอบครัว ความเข้มข้นก็จะเจือจางลง แต่ถึงอย่างไรก็ยังต้องเป็นฝ่ายรัฐบาล เพื่อสร้างพลังต่อรอง และรอโอกาสกลับมาเป็น “แกนนำ” คุมเกมเบ็ดเสร็จอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือ การมองข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้งคราวหน้า ในวันที่พรรคเพื่อไทย ต้องถดถอยลงอย่างมาก !!
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO