‘กรรมาธิการตำรวจ สภา’ ถกปม ‘เครื่องบินเล็ก-ฮ.ตก 2 ลำ’ ภายในห้วง 30 วัน
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภา ที่มี น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธาน กมธ.ตำรวจ เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติที่นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป.และอดีตนายกฯ เสนอให้พิจารณา กรณีการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้งานอากาศยานทั้งเครื่องบินเล็ก และเฮลิคอปเตอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตก 2 ลำใน 1 เดือน เป็นเหตุให้สูญเสียกำลังพลซึ่งเป็นบุคลากรของ สตช.ที่มีค่า
โดยน.ส.สุณัฐชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดเหตุสลด อากาศยานของ สตช.ตกสองครั้งติดกันภายในเวลา 30 วัน โดยเหตุการณ์แรกเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2568 เครื่องบิน รุ่น DHC 6-400 ทวิน ออตเตอร์ ที่ใช้ในการฝึกกระโดดร่มมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งนักบินและช่างเครื่อง เสียชีวิตรวม 9 นาย ผ่านไปไม่ถึง 30 วัน คือวันที่ 4 พ.ค.2568 เฮลิคอปเตอร์ กองบินตำรวจ รุ่นเบลล์ 212 ที่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจตก ซ้ำมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นนักบินเสียชีวิต 3 นาย นับเป็นเหตุการณ์ที่สูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปถึง 9 นาย เข้าใจว่า เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น กมธ.จึงต้องการทราบถึงความคืบหน้าว่า สตช.มีการสอบสวนเรื่องนี้ถึงไหน อย่างไร พร้อมทั้งจะเสนอแนะแนวทางในการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ขณะที่นายชวน ในฐานะผู้เสนอเรื่องกล่าวตอนหนึ่งว่า น่าตกใจที่ สตช.ต้องเสียบุคลากรที่มีความสามารถเฉพาะด้าน ในเดือนเดียวถึง 9 นายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดไม่บ่อยนัก ซึ่งโดยทั่วไป และปกติเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว มักจะผ่านไปโดยไม่มีใครศึกษาหาสาเหตุที่แท้จริง แต่เหตุสลดโดยเฉพาะครั้งหลังเราสูญเสียนักบินมือดีของ สตช.ถึง 3 คน ตนสนใจว่า เพื่อนนักบินได้โพสต์ภาพแชตการสนทนากับนักบินผู้ตาย ที่ระบุว่า “เครื่องไม่พร้อมบิน สามารถตกเมื่อไรก็ได้” ตนจึงสอบถามไปยังเพื่อนของนักบินผู้ตาย ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าวได้ยอมรับกับตนว่า เครื่อง ฮ.ไม่พร้อมบิน ต่อมาตนได้สอบถามกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และทหารว่า เครื่องบินและฮ.ที่เราใช้อยู่ในขณะนี้เป็นอย่างไร ได้คำตอบพบว่า สตช.มีเฮลิคอปเตอร์ 71 ลำ ใช้การได้ 24 ลำ อยู่ระหว่างซ่อม 27 ลำ โดยปลดประจำการไปแล้ว 24 ลำ ซึ่งใน 24 ลำที่ใช้งานได้คือหนึ่งในเครื่องที่ตกและมีนายตำรวจเสียชีวิตดังกล่าว
นายชวน กล่าวว่า ดังนั้นหากเราปล่อยให้มีการใช้เฮลิคอปเตอร์ 24 ลำโดยไม่ทบทวน ก็อาจจะมีผู้สูญเสียชีวิตมากกว่า 9 คน ตนจึงขอเสนอให้มีการทบทวนตั้งแต่การจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำใหม่ว่าควรเป็นชนิดประเภทเดียวกันหรือไม่ รวมถึงทบทวนเครื่องที่ใช้อยู่ในขณะนี้ว่ามีความพร้อมในการใช้งานได้จริงหรือไม่ ตลอดจนงบประมาณที่ สตช. ได้รับการจัดสรรปีงบประมาณละ 950 ล้านบาท เพื่อใช้ซ่อมบำรุงมีความเหมาะสม เพียงพอหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียซ้ำขึ้นอีก หาก กมธ.พิจารณาแล้วได้ผลเป็นเช่นไร จะเสนอรัฐบาลให้สนับสนุนงบประมาณ และความพร้อมในการจัดอากาศยานเพิ่มเติม เพราะตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาเช่นกัน
ด้าน พ.ต.อ.ขจรยุทธ อนันนับ รองผู้บังคับการกองบินตำรวจ ได้ชี้แจงว่า ตนมีความเศร้าใจ เสียใจ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทุกคน ที่ต้องเสียผู้ใต้บังคับบัญชา เราได้ทำอย่างเต็มที่ ส่วนงบฯ ในการซ่อมบำรุง 950 ล้าน/ปีนั้น ยอมรับว่า ไม่พอ แต่หากจะขอเพิ่มมากกว่านี้ จะต้องเสนอเรื่องเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองของ สตช. เพราะยอด 950 ล้านบาทนี้ เป็นงบเต็มจำนวนแล้ว และจะมีปัญหากระทบต่อการบริหารจัดการงบประมาณในหน่วยอื่น
ส่วน พ.ต.ท.นิติวุธ เลียบมา นักบิน สบ.3 กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ ทำหน้าที่ครูการบิน เครื่องบินทวิน ออตเตอร์ และผู้สอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุอากาศยานตกครั้งนี้ ชี้แจงว่า ยังไม่ได้สรุปสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้ 100% สามารถออกได้เพียงรายงานเบื้องต้นที่วิเคราะห์จากเศษซากของอากาศยานที่ตกในที่เกิดเหตุ พร้อมภาพของกล้องวงจรปิดที่สามารถหาได้ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลจากกล่องดำ โดยวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผู้ผลิต มีหลักฐานที่บ่งชี้ได้คือ หลังจากที่เครื่องพ้นพื้นดินไปได้ประมาณ 3 วินาที ใบพัดข้างซ้ายได้ปรับเข้ามุมปะทะอัตโนมัติ ซึ่งนักบินไม่ได้เป็นผู้ทำเอง การปรับมุมเข้าใบพัดดังกล่าว ถือเป็นเหตุสุดวิสัย นักบินทั้งสองคนไม่ได้มีการแก้ไขในสถานการณ์นี้อย่างที่ฝึกในช่วงสถานการณ์จำลอง จากประวัติการฝึกอบรมพบว่านักบินทั้งสองคนได้เข้าทำการฝึกเพียงสองครั้ง อีกทั้งนักบินทั้งสองคนยังไม่เคยฝึกบินในท่าที่จะสามารถแก้ไขต่อเหตุนี้ได้ ทำให้นักบินไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ ทั้งนี้ กมธ.ตำรวจ สภาจะนัดประชุมต่อในนัดหน้าต่อไป.