โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘กรรมาธิการตำรวจ สภา’ ถกปม ‘เครื่องบินเล็ก-ฮ.ตก 2 ลำ’ ภายในห้วง 30 วัน

เดลินิวส์

อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
‘กรรมาธิการตำรวจ สภา’ ถกปม ‘เครื่องบินเล็ก-ฮ.ตก 2 ลำ’ ภายในห้วง 30 วัน ทำ สตช. สูญเสียบุคลากร 9 นาย ตามญัตติของ ‘ชวน หลีกภัย’ ชงตั้งข้อสังเกต ฮ.ตำรวจมีใช้จริงรวม 24 ลำ สามารถใช้การได้จริงหรือไม่ เร่งล้อมคอกหวั่นเกิดเหตุสูญเสียซ้ำซ้อน ด้านตัวแทนกองบินตำรวจ แจงยังสรุปสาเหตุเครื่องบินตกไม่ได้ รับนักบิน 2 คนเข้ารับอบรมเพียง 2 ครั้ง

เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภา ที่มี น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธาน กมธ.ตำรวจ เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติที่นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป.และอดีตนายกฯ เสนอให้พิจารณา กรณีการเกิดอุบัติเหตุจากการใช้งานอากาศยานทั้งเครื่องบินเล็ก และเฮลิคอปเตอร์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ตก 2 ลำใน 1 เดือน เป็นเหตุให้สูญเสียกำลังพลซึ่งเป็นบุคลากรของ สตช.ที่มีค่า

โดยน.ส.สุณัฐชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดเหตุสลด อากาศยานของ สตช.ตกสองครั้งติดกันภายในเวลา 30 วัน โดยเหตุการณ์แรกเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2568 เครื่องบิน รุ่น DHC 6-400 ทวิน ออตเตอร์ ที่ใช้ในการฝึกกระโดดร่มมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งนักบินและช่างเครื่อง เสียชีวิตรวม 9 นาย ผ่านไปไม่ถึง 30 วัน คือวันที่ 4 พ.ค.2568 เฮลิคอปเตอร์ กองบินตำรวจ รุ่นเบลล์ 212 ที่ใช้ในการปฏิบัติภารกิจตก ซ้ำมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นนักบินเสียชีวิต 3 นาย นับเป็นเหตุการณ์ที่สูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปถึง 9 นาย เข้าใจว่า เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น กมธ.จึงต้องการทราบถึงความคืบหน้าว่า สตช.มีการสอบสวนเรื่องนี้ถึงไหน อย่างไร พร้อมทั้งจะเสนอแนะแนวทางในการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

ขณะที่นายชวน ในฐานะผู้เสนอเรื่องกล่าวตอนหนึ่งว่า น่าตกใจที่ สตช.ต้องเสียบุคลากรที่มีความสามารถเฉพาะด้าน ในเดือนเดียวถึง 9 นายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดไม่บ่อยนัก ซึ่งโดยทั่วไป และปกติเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว มักจะผ่านไปโดยไม่มีใครศึกษาหาสาเหตุที่แท้จริง แต่เหตุสลดโดยเฉพาะครั้งหลังเราสูญเสียนักบินมือดีของ สตช.ถึง 3 คน ตนสนใจว่า เพื่อนนักบินได้โพสต์ภาพแชตการสนทนากับนักบินผู้ตาย ที่ระบุว่า “เครื่องไม่พร้อมบิน สามารถตกเมื่อไรก็ได้” ตนจึงสอบถามไปยังเพื่อนของนักบินผู้ตาย ซึ่งเพื่อนคนดังกล่าวได้ยอมรับกับตนว่า เครื่อง ฮ.ไม่พร้อมบิน ต่อมาตนได้สอบถามกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และทหารว่า เครื่องบินและฮ.ที่เราใช้อยู่ในขณะนี้เป็นอย่างไร ได้คำตอบพบว่า สตช.มีเฮลิคอปเตอร์ 71 ลำ ใช้การได้ 24 ลำ อยู่ระหว่างซ่อม 27 ลำ โดยปลดประจำการไปแล้ว 24 ลำ ซึ่งใน 24 ลำที่ใช้งานได้คือหนึ่งในเครื่องที่ตกและมีนายตำรวจเสียชีวิตดังกล่าว

นายชวน กล่าวว่า ดังนั้นหากเราปล่อยให้มีการใช้เฮลิคอปเตอร์ 24 ลำโดยไม่ทบทวน ก็อาจจะมีผู้สูญเสียชีวิตมากกว่า 9 คน ตนจึงขอเสนอให้มีการทบทวนตั้งแต่การจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ลำใหม่ว่าควรเป็นชนิดประเภทเดียวกันหรือไม่ รวมถึงทบทวนเครื่องที่ใช้อยู่ในขณะนี้ว่ามีความพร้อมในการใช้งานได้จริงหรือไม่ ตลอดจนงบประมาณที่ สตช. ได้รับการจัดสรรปีงบประมาณละ 950 ล้านบาท เพื่อใช้ซ่อมบำรุงมีความเหมาะสม เพียงพอหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียซ้ำขึ้นอีก หาก กมธ.พิจารณาแล้วได้ผลเป็นเช่นไร จะเสนอรัฐบาลให้สนับสนุนงบประมาณ และความพร้อมในการจัดอากาศยานเพิ่มเติม เพราะตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาเช่นกัน

ด้าน พ.ต.อ.ขจรยุทธ อนันนับ รองผู้บังคับการกองบินตำรวจ ได้ชี้แจงว่า ตนมีความเศร้าใจ เสียใจ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าทุกคน ที่ต้องเสียผู้ใต้บังคับบัญชา เราได้ทำอย่างเต็มที่ ส่วนงบฯ ในการซ่อมบำรุง 950 ล้าน/ปีนั้น ยอมรับว่า ไม่พอ แต่หากจะขอเพิ่มมากกว่านี้ จะต้องเสนอเรื่องเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองของ สตช. เพราะยอด 950 ล้านบาทนี้ เป็นงบเต็มจำนวนแล้ว และจะมีปัญหากระทบต่อการบริหารจัดการงบประมาณในหน่วยอื่น

ส่วน พ.ต.ท.นิติวุธ เลียบมา นักบิน สบ.3 กลุ่มงานการบิน กองบินตำรวจ ทำหน้าที่ครูการบิน เครื่องบินทวิน ออตเตอร์ และผู้สอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุอากาศยานตกครั้งนี้ ชี้แจงว่า ยังไม่ได้สรุปสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้ 100% สามารถออกได้เพียงรายงานเบื้องต้นที่วิเคราะห์จากเศษซากของอากาศยานที่ตกในที่เกิดเหตุ พร้อมภาพของกล้องวงจรปิดที่สามารถหาได้ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลจากกล่องดำ โดยวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผู้ผลิต มีหลักฐานที่บ่งชี้ได้คือ หลังจากที่เครื่องพ้นพื้นดินไปได้ประมาณ 3 วินาที ใบพัดข้างซ้ายได้ปรับเข้ามุมปะทะอัตโนมัติ ซึ่งนักบินไม่ได้เป็นผู้ทำเอง การปรับมุมเข้าใบพัดดังกล่าว ถือเป็นเหตุสุดวิสัย นักบินทั้งสองคนไม่ได้มีการแก้ไขในสถานการณ์นี้อย่างที่ฝึกในช่วงสถานการณ์จำลอง จากประวัติการฝึกอบรมพบว่านักบินทั้งสองคนได้เข้าทำการฝึกเพียงสองครั้ง อีกทั้งนักบินทั้งสองคนยังไม่เคยฝึกบินในท่าที่จะสามารถแก้ไขต่อเหตุนี้ได้ ทำให้นักบินไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ ทั้งนี้ กมธ.ตำรวจ สภาจะนัดประชุมต่อในนัดหน้าต่อไป.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

เทศบาลนครหัวหิน คว้ารางวัลทีมผู้ก่อการดี (MERIT MAKER) ระดับประเทศ! ร่วมรณรงค์ป้องกันการจมน้ำ

25 นาทีที่แล้ว

เชียงรายจัดกระตุ้นท่องเที่ยวมหัศจรรย์ชาติพันธุ์ สีสันแห่งล้านนา

28 นาทีที่แล้ว

สทนช. ลงพื้นที่นครพนม ติดตามสถานการณ์น้ำโขงเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัย

31 นาทีที่แล้ว

ขอนแก่นส่งตาข่ายกันโดรน-ข้าวสาร ให้กับกำลังทหารที่สุรินทร์-ศรีษะเกษ

34 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

“พิชัย” ภาษีทรัมป์ 19% ยังต้องถกรายละเอียดต่อ

INN News

เกาเหลา ฉาวแซ่บ ฮุน เซน เดือด ปกป้องลูกชาย ปมข่าวลือ ฮุน มาเนต มีลูกกับญาติ

สยามนิวส์

“จตุพร” สั่งตั้ง One Stop Service ช่วยผู้ประกอบการปรับตัวภาษี US

INN News

เปิดเบื้องหลัง รัฐบาล-กต.-ทบ. ร่วมผลักดัน นำคณะทูตลงชายแดนไทย-กัมพูชา

News In Thailand

คณะทูต-สื่อนอกลงพื้นที่ชายแดน ไทยโชว์หลักฐาน-ยันตอบโต้ตามสิทธิการป้องกันตัว

WeR NEWS

"หมอมิ้ง" รับขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงศาลรธน. "คดีคลิปเสียง" เหตุเสร็จไม่ทัน

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม