ส่ง 2 ทหารบาดเจ็บ-สติฟั่นเฟือนกลับเขมร หลังสาบานว่าจะไม่รบกับไทยอีก
กองทัพบก ส่ง 2 ทหารกัมพูชา บาดเจ็บ-สติฟั่นเฟือน กลับเขมรวันนี้ตามหลักมนุษยธรรม หลังเจ้าตัวให้คำสัตย์ สาบานว่าจะไม่เข้าทำการรบกับฝ่ายไทยอีก
วันที่ 1 ส.ค. 68 ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้แจกเอกสารข่าวสรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญของ สถานการณ์ถึงวันที่ 1 ส.ค. 68 เวลา 10.00 น.ว่า
หน่วยประสานงานชายแดนไทย - กัมพูชา ประจำพื้นที่ 2 ช่องจอม ได้รับการประสานจากหน่วยงานความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ว่า ในวันที่ 1 ส.ค. 68 เวลา 10.30 น. จะมีการส่งมอบผู้ถูกควบคุมตัวซึ่งเป็นทหารกัมพูชาที่ตกค้างในดินแดนไทยระหว่างการสู้รบ ในห้วงวันที่ 24 - 29 ก.ค. 68 ชจำนวน 2 นาย ได้แก่
สิบเอก มอม ริทธี ได้รับบาดเจ็บแขนหัก และมีบาดแผลเน่าที่สะโพกด้านขวา เป็นรูขนาดใหญ่ หลังจากรับตัวได้ทำการรักษาขั้นต้น
และว่าที่ ร้อยตรี อาง เอื้อง ซึ่งมีอาการทางจิต คาดว่าเกิดจากความเครียดจากการสู้รบ ผู้เชี่ยวชาญประเมินแล้ว เจ้าตัวมีภาวะเสี่ยงหากไม่ได้รับการดูแลจากครอบครัว โดยก่อนส่งกลับได้รับการบำบัดขั้นต้นจนสามารถดูแลตัวเองได้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้ดำเนินการตามอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งเป็นหลักสากลตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในการ คุ้มครองผู้ที่ถูกควบคุมตัว ให้ได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม มีการปฏิบัติตาม พรบ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย และ พรบ.คนเข้าเมืองอย่างครบถ้วน
การส่งตัวทหารที่ถูกควบคุมตัวทั้งสองคนกลับสู่มาตุภูมิในครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นการส่งตัวตามหลักมนุษยธรรม แต่ทั้งสองก็ได้ให้คำสัตย์สาบานว่าจะไม่เข้าทำการรบกับฝ่ายไทยอีก ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม
ขณะที่ที่ท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน6 กทม. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการควบคุมตัวทหารกัมพูชาหลังเหตุปะทะ ในพื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษว่า ปัจจุบันทหารกัมพูชาที่ควบคุมตัวได้ในพื้นที่การรบมีจำนวน 20 คน ดำเนินการไปตามกระบวนการขั้นตอนของฝ่ายทหาร โดยยึดปฏิบัติตามกฏบัตรสหประชาชาติ และอนุสัญญาเจนีวาในสถานะเชลยศึก ยืนยันว่า กองทัพภาคที่ 2 ให้ดูแลอย่างดีตามหลักมนุษยธรรมที่เป็นสากล
โดยวันนี้ในเวลาประมาณ 10.30 น. จะมีส่งกลับกัมพูชา 2 คน เนื่องจากป่วยหนัก และสติฟั่นเฟือน ซึ่งตามอนุสัญญาเจนีวาระบุให้สามารถส่งกลับได้สำหรับกรณีดังกล่าว ทางกองทัพภาคที่ 2 จึงพิจารณาส่งกลับไป ทำให้จะเหลืออยู่ในการควบคุมดูแล จำนวน 18 คน