ยุติปะทะไทย-กัมพูชา ไม่กระทบเศรษฐกิจไทย จับตาภาษีสหรัฐฯตัวแปรใหม่
จากกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชา ที่ส่งผลทำให้มีพลเรือนไทยและทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดทั้งผู้นำประเทศไทยและกัมพูชา ได้เจรจาเพื่อยุติการยิงตอบโตกันแล้ว แต่ในมุมมองของเศรษฐกิจและการลงทุนจะได้รับผลกระทยมากน้อยเพียงใดนั้น
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การหยุดยิงกันระหว่างกัมพูชากับไทย ไม่มีผลอย่างมีนัยยะกับเศรษฐกิจภายในประเทศ สาเหตุจากว่าประเทศไทยแทบไม่ได้พึ่งพิงกัมพูชา แต่อย่างใด
ในส่วนของการส่งออกไปกัมพูชาคิดเป็นเพียง 3% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดและจำนวนนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาก็คิดเป็นเพียง 1.6% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด อาจมีผลเล็กน้อยกับการค้าชายแดนแต่เชื่อว่าสัดส่วนต่อเศรษฐกิจรวมจำกัดมาก
"มองว่าการยุติสงครามเป็นเรื่องที่ดี แน่นอนว่าย่อมไม่มีฝ่ายใดอยากเห็นการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการปะทะกัน ส่วนผลกระทบการค้าชายแดน การส่งออก และการท่องเที่ยวจากกัมพูชานั้น มองว่ากระทบต่อเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"
จับตาเจรจาภาษีสหรัฐฯ
สำหรับอัตราภาษีของไทยคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 15 - 25% ประเทศไทยทำตามสิ่งที่สหรัฐฯ ร้องขอหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น แผนลดขาดดุลการค้า นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น อาทิ ก๊าซ และเครื่องบิน รวมไปถึงตั้งใจจะให้สินค้าจากสหรัฐฯ เข้ามาเป็น 0% ของภาษีนำเข้า
แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยฟื้นขึ้นมาแล้วราว 15% จากจุดต่ำสุด การปรับขึ้นจากนี้จึงคาดหวัง Upside ไม่ได้เยอะมาก ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากอัตราภาษีสหรัฐฯ (กรณีต่ำกว่า 20%) จะเป็น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มเกี่ยวเนื่องกับการส่งออก เป็นต้น