ช็อปกระหน่ำ! เจาะสาเหตุที่ ลิเวอร์พูล ใช้เงินได้เยอะในช่วงซัมเมอร์นี้
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จากเงินจำนวนที่ใช้ไปมาจากดีลของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ที่มีค่าตัวในเบื้องต้นแตะหลัก 100 ล้านปอนด์ โดยที่เหลือแบ่งเป็น 40 ล้านปอนด์จากดีลของ มิลอส เคอร์เคซ, 29.5 ล้านปอนด์ กับค่าตัวของ เจเรมี่ ฟริมปง และ อีก 1.5 ล้านปอนด์ที่มาจากค่าตัวของ อาร์มิน เพชซี่ ผู้รักษาประตูดาวรุ่ง
อย่างไรก็ตาม "หงส์แดง" ก็ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะตอนนี้อย่างที่รู้กันดีว่าพวกเขามีข่าวกับทั้ง อเล็กซานเดอร์ อิซัค หัวหอก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ อูโก้ เอกิติเก้ กองหน้า ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ด้วย โดยว่ากันว่าต้นสังกัดของทั้งคู่ตั้งค่าตัวของ 2 คนนั้นเอาไว้ที่ราว 130 ล้านปอนด์ กับ 86.5 ล้านปอนด์ ตามลำดับ ซึ่งถ้าเอาค่าตัวของคนใดคนหนึ่งบวกเข้าไปอีกมันก็จะเท่ากับว่าในช่วงซัมเมอร์นี้ ลิเวอร์พูล ใช้เงินไปกับการเสริมทัพเยอะขึ้นไปอีก
หากถามว่าทำไมตอนนี้ ลิเวอร์พูล ใช้เงินได้เยอะขนาดนั้น คำตอบแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวของหลายคนก็คือการที่ช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน ลิเวอร์พูล จ่ายเงินไปกับการเสริมทัพน้อยมาก โดยพวกเขาเสียไปเพียง 35 ล้านปอนด์ แบ่งเป็น 10 ล้านปอนด์จากดีลของ เฟเดริโก้ เคียซ่า กับอีก 25 ล้านปอนด์จากค่าตัวของ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ นายทวาร บาเลนเซีย ที่เป็นการทำดีลแบบล่วงหน้า
ถึงกระนั้น หากเจาะลึกลงไปก็จะพบว่า ลิเวอร์พูล ลงทุนไม่สูงมากนักในตลาดหลายรอบก่อน โดยหากนับตัวเลขเรื่อง "จำนวนเงินสุทธิ" ในตลาดการเสริมทัพ หรือก็คือตัวเลขที่เอารายจ่ายกับรายรับเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะมาหักลบกันในตลาดช่วง 9 ครั้งหลังสุดแล้วล่ะก็ มันก็เพิ่งมีตลาดช่วงซัมเมอร์ปี 2025 นี่เองที่พวกเขามีจำนวนเงินสุทธิในตลาดเป็นการจ่ายเงินไปเกิน 100 ล้านปอนด์ โดยอยู่ที่การจ่ายไป 112.1 ล้านปอนด์
สำหรับอันดับ 2 คือตลาดช่วงซัมเมอร์ ปี 2023 ที่มีจำนวนเงินสุทธิเป็นการจ่ายเงินไป 92.5 ล้านปอนด์ แถมมันยังมีตลาด 2 ช่วงด้วยซ้ำที่ ลิเวอร์พูล ได้เงินจากการขายนักเตะมากกว่าจำนวนเงินที่ใช้ไป
จำนวนเงินสุทธิในตลาดการเสริมทัพของ ลิเวอร์พูล ในตลาด 9 ครั้งหลังสุด (สัญลักษณ์ + หมายถึงขายนักเตะได้มากกว่าที่จ่ายไป ส่วนสัญลักษณ์ - หมายถึงใช้เงินไปกับการซื้อนักเตะมากกว่าที่ขายได้)
ตลาดช่วงซัมเมอร์ 2021 (+7.3 ล้านปอนด์)
ตลาดช่วงหน้าหนาว 2022 (-37.5 ล้านปอนด์)
ตลาดช่วงซัมเมอร์ 2022 (-12.8 ล้านปอนด์)
ตลาดช่วงหน้าหนาว 2023 (-37 ล้านปอนด์)
ตลาดช่วงซัมเมอร์ 2023 (-92.5 ล้านปอนด์)
ตลาดช่วงหน้าหนาว 2024 (+0 ล้านปอนด์)
ตลาดช่วงซัมเมอร์ 2024 (+17.8 ล้านปอนด์)
ตลาดช่วงหน้าหนาว 2025 (+0 ล้านปอนด์)
ตลาดช่วงซัมเมอร์ 2025 (-112.1 ล้านปอนด์ จนถึงปัจจุบัน)
พูดอีกแบบก็คือในช่วง 3 ฤดูกาลก่อนหน้าที่จะถึงซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล มีจำนวนเงินสุทธิในตลาดการเสริมทัพต่อ 1 ฤดูกาลอยู่ที่ +17.8 ล้านปอนด์, -92.5 ล้านปอนด์ และ -49.8 ล้านปอนด์ ในทางกลับกัน ภายในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ -119 ล้านปอนด์, -133 ล้านปอนด์ และ -190 ล้านปอนด์
นอกจากนี้ หากนับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมาแล้วล่ะก็ ลิเวอร์พูล ก็ใช้เงินไปกับการเสริมทัพน้อยกว่าทีมอื่นๆ จนถึงขั้นไม่ติด 10 อันดับแรกของทีมที่ใช้เงินเยอะที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าวของ พรีเมียร์ลีก ด้วยซ้ำ
ที่จริงแล้ว หากมองถึงจำนวนเงินโดยรวมที่แต่ละทีมใน พรีเมียร์ลีก ใช้ไปกับการเสริมทัพตั้งแต่ตอนเริ่มฤดูกาล 2023-24 เป็นต้นมาแล้วล่ะก็ ลิเวอร์พูล ก็เป็นเพียงอันดับ 7 ของ พรีเมียร์ลีก ที่ใช้เงินไปกับการเสริมทัพเยอะที่สุด ที่จำนวนเงินรวม 375 ล้านปอนด์ โดยนี่นับรวมดีลมูลค่ามหาศาลของ เวียร์ตซ์ เข้าไปแล้วด้วย
10 ทีมใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จ่ายเงินไปกับการเสริมทัพเยอะที่สุด ตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2023-24 เป็นต้นมา (นับจนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา)
1. เชลซี 866 ล้านปอนด์
2. แมนซิตี้ 556 ล้านปอนด์
3. สเปอร์ส 523 ล้านปอนด์
4. แมนยูไนเต็ด 497 ล้านปอนด์
5. ไบรท์ตัน 415 ล้านปอนด์
6. อาร์เซน่อล 376 ล้านปอนด์
7. ลิเวอร์พูล 375 ล้านปอนด์
8. เวสต์แฮม 308 ล้านปอนด์
9. แอสตัน วิลล่า 292 ล้านปอนด์
10. นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 246 ล้านปอนด์
แน่นอน ลิเวอร์พูล เพิ่งได้เงินรางวัลจากการได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นก่อน เป็นเงินจำนวน 175 ล้านปอนด์ จนหลายคนอาจจะบอกว่าเงินรางวัลส่วนนั้นส่งผลให้พวกเขาใช้งบไปกับการเสริมทัพได้เยอะ แต่ปัจจัยที่สำคัญกว่าเงินรางวัลก้อนโตคือการดำเนินการและบริหารที่ยอดเยี่ยม ซึ่งนั่นต้องให้เครดิตกับฝ่ายบริหารของ ลิเวอร์พูล ที่ทำให้สภาพการเงินกับผลงานในสนามยังออกมาดีพร้อมกันได้เกือบตลอดนั่นเอง
- เด็กเกร็ดบอล -