จตุรงค์ ฟาด สีกา ก. มีลูก 3 คน พระภิกษุรับรองบุตร 2 ด้านสีกา ก. โฟนอินโต้ไม่จริง-ร่ำไห้กระทบลูก
จตุรงค์ ฟาด สีกา ก. มีลูก 3 คน พระภิกษุรับรองบุตร 2 คน ด้านสีกา ก. โฟนอินโต้ไม่จริง – ร่ำไห้กระทบลูก
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม รายการโหนกระแส “หมวย อริสรา กำธรเจริญ” ดำเนินรายการแทน “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนาม บริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 เกาะติดเหตุการณ์ พระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ “เจ้าคุณอาชว์” อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร และเจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) ถูกจับตาสึกด่วน เหตุถูกร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องทุจริตเงินของวัด และประเด็นเรื่องสัมพันธ์ชู้สาวสีกา ก.
โดยวันนี้สัมภาษณ์ อ.จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา , พระมหาวัฒนา ปัญญาทีโป เปรียญธรรม 9 ประโยค ดร.มจร. , รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาฯ ม.รังสิต
วันพุธยังคุยกันว่าอยากให้เจ้าคุณอาชว์ออกมาชี้แจง?
จตุรงค์ : ผมยังยืนยันคำเดิมว่าถ้าท่านเจ้าคุณอาชว์ดูอยู่ รับสายเถอะครับ คุยเถอะครับ อยากให้ท่านชี้แจง นาทีนี้ท่านสึกแล้ว ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ อย่างน้อยท่านกู้ศักดิ์ศรีตัวเองคืนมา กู้ศักดิ์ศรีพระพุทธศาสนาคืนมา กู้ศักดิ์ศรีธรรมยุต นิกายเราคืนมา ขอเถอะครับ ออกมาชี้แจงเถอะ
ท่านบิ๊กเต่าก็อยากให้ท่านออกมา เพราะแจ้งสีกาก.ได้ แต่ตอนนี้ก็ยังเงียบ?
จตุรงค์ : ไม่รู้อยู่ไหน แล้วแต่ท่านแล้วกัน
อ.โต้ง สำหรับเจ้าคุณอาชว์มองยังไงที่ท่านเก็บตัวเงียบ สึกกะทันหัน ไปสปป.ลาวแล้วข้ามกลับมาที่ไทย?
ดร.กฤษณพงค์ : มองได้สองมุม มุมแรกท่านอาจต้องการปลีกตัวออกมาเพื่อรับฟังสถานการณ์ก่อนว่ามีประเด็นอะไรที่พาดพิงถึงท่านบ้าง สองท่านอาจคิดว่าถ้าท่านปรากฏตัวไปพบตร. แน่นอนท่านอาจเป็นผู้เสียหายด้วย กรณีถูกกรรโชกทรัพย์ หรือท่านอาจถูกสงสัยเกี่ยวกับเงินวัดหรือไม่ ถ้าพบว่ามีเส้นการเงินอื่นเชื่อมโยงถึงท่าน ตรงนี้ก็อาจจะพันกันอยู่ แต่อย่างที่รองเต่าบอกมา ทางที่ดีออกมาให้ข้อมูลดีกว่า มันจะเกิดประโยชน์
เงียบตั้งหลัก?
ดร.กฤษณพงค์ : ก็พูดง่ายๆ ก็ประมาณนั้น
มุมมองอาจารย์ คิดว่าจะมีโอกาสที่เจ้าคุณอาชว์ออกมาพบตร. หรือไปทางสำนักงานพุทธศาสนา หรือออกมาชี้แจงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมั้ย?
ดร.กฤษณพงค์ : ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับขณะบวชท่านเกี่ยวข้องกับการเงินมากน้อยเพียงใด เพราะนี่เป็นเรื่องหมิ่นเหม่กระทำความผิดตามกฎหมาย เพราะยักยอกเงินเอาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ กับเรื่องที่ท่านเกี่ยวข้องกับสีกา นั่นหมายความว่าตรงนี้ ท่านอาจอยากรับฟังข่าวสารก่อน เพื่อฟังประเด็นรอบด้านทั้งหมด จากนั้นก็คงมีการเตรียมข้อมูลในแต่ละประเด็น ถ้าวันนึงต้องออกมา ถ้าผิดจริงโอกาสปรากฏตัวก็น่าจะยาก เว้นแต่เตรียมทนายความนักกฎหมายมา ถ้ากระทำผิดจริงอาจโดนแจ้งข้อกล่าวหาได้
หลวงพี่มองพฤติการณ์เจ้าคุณอาชว์ยังไง?
พระมหาวัฒนา : ช่วงนี้ใครๆ ก็สนใจเรื่องคณะสงฆ์หลายรูป โดยเฉพาะเจ้าคุณอาชว์ ถือว่าตั้งแต่คดีวัดไร่ขิง 888 วัดตรีฯ ก็เป็นที่จับตา เพราะมีสถานะใกล้เคียงกัน หนึ่งวัดใหญ่ วัดหลวงฝ่ายธรรมยุต สองท่านเป็นเจ้าคณะภาค 14 15 ทำให้คณะสงฆ์มองว่าทั้งสองฝ่ายมีลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพุทธศาสนา ไม่ว่าเรื่องความประพฤติส่อไปในทางประพฤติผิดพระธรรมวินัย เพราะคลิปที่สีกาเอามาแฉและเป็นข่าว เป็นเรื่องประพฤติผิดพระธรรมวินัย ทำให้ปราชิกได้ อาจทำให้ท่านชิงสึก พอสึกแล้ว แรกเริ่มที่เห็นข้ามไปฝั่งลาว จะหนีไปสึกแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็กลับมาสึกที่ประเทศไทย อันนี้ทำให้น่าวิเคราะห์ต่อว่าทำไมไม่หนีไปต่างประเทศ เหมือนเจ้าคุณอื่นๆ ที่ไปเยอรมัน นี่คือข้อน่าสงสัยว่าทำไมถึงกลับมา เพราะกลับมาก็ต้องทำพาสปอร์ตใหม่ซึ่งไม่ใช่ชื่อพระ แล้วจะไปปรากฏตัวสถานที่ราชการก็ยาก ต้องถ่ายทำใหม่ คิดว่าท่านอยู่ในประเทศไทยนี่แหละ เรื่องเงินของวัดที่ยังอยู่ครบ ก็ต้องให้เครดิตธรรมยุตเขามีวิธบริหารจัดการเงินที่เป็นระบบ ไม่พบการสูญหายของเงิน ถ้าเทียบกับไร่ขิงนะ จะเห็นว่าคดีคืบหน้าแต่ละวันเยอะมาก จาก 40 ล้าน มา 300 ล้าน 800 ล้าน จน 2,000 กว่าล้าน กี่อาทิตย์เอง คิดว่าท่านน่าจะอยู่ในประเทศไทยและรอดูท่าทีคณะสงฆ์ และฝ่ายบ้านเมือง โดยเฉพาะฝ่ายบ้านเมืองพบว่าท่านไม่ได้ทุจริตอะไร นอกจากเรื่องพระธรรมวินัย มองเบื้องต้นอย่างนี้ก่อน
ท่านมหาหมีวิเคราะห์ว่าการที่ท่านกลับมาที่ไทยแล้วมาสึกที่ไทย คิดว่าท่านน่าจะมีความมั่นใจระดับนึงได้ว่าท่านไม่ผิด ก็เลยกลับมา?
พระมหาวัฒนา : อาตมาเห็นด้วย โดยเฉพาะคนที่ให้ข้อมูลที่เป็นฝ่ายตร. ดูเหมือนว่าหลายวันมานี้ คดีไม่มีอะไรคืบหน้า แล้วเขาไปคดีวัดม่วงแทน มันมาหยุดตรงหลักฐานฝ่ายผู้หญิงที่แบล็กเมล์ มีหลักฐานอะไรบ้างที่ปรากฏ ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะอาบัติอะไร เพียงแต่เขาเชื่อว่าฝ่ายหญิงมีข้อมูลและหายตัวไปเช่นกัน การที่หายตัวไปมันอาจไม่มีอะไรเลยก็ได้ สุดท้ายแล้วถ้าตร.ไม่สามารถติดตามคนที่แบล็กเมล์ ทราบว่าอุบาสิกาท่านนั้นไปก่อเรื่องแบบนี้มาหลายวัด และต่อเนื่องมาเรื่อยๆ คณะสงฆ์ พระ ผู้หลักผู้ใหญ่หลายรูป น่าจะเป็นสิบรูป ก็น่าจะหนาวๆ ร้อนๆ ถ้าแฉรูปนึง รูปอื่นก็ต้องด้วย ความเสียหายมันมาก ดีไม่ดีคณะสงฆ์ต่อไปนี้อาจถึงยุคเสื่อมเลยก็ได้ ไม่มีใครศรัทธาเชื่อถือในพระพุทธศาสนา ในพระสงฆ์อีกต่อไป ถ้าหากคดีนี้สามารถติดตามจับกุมสีกาท่านนี้ได้และนำมาสืบสวนสอบสวน ฉะนั้นการหายตัวไปอย่างไร่ร่องรอยของทั้งสองท่าน อาจเข้ารูปแบบคณะสงฆ์ที่เคยทำมา ทำอะไรให้มันเงียบๆ ไม่ต้องแสดงตัว แล้วหายไปทั้งสองตลอดกาลนานเลยก็ได้ อาจารย์คิดว่าอย่างนั้น
อาจารย์โต้งมองยังไง?
ดร.กฤษณพงค์ : หลักๆ เชื่อว่าถ้าต้องการคิดว่าอยากหลบไป แน่นอนก็ต้องหลบไปในช่วงสถานการณ์เป็นกระแส จนกว่ากระแสจะซาไป หลังจากนั้นอาจกลับมาก็เป็นไปได้ แต่ต้องดูสถานการณ์ว่าทางตร.เองจะเปิดเผยข้อมูลอะไรมั้ย ความเชื่อมโยงหลักฐานทางการเงินต่างๆ หรือไม่ วันนี้ท่านอาจดูรายการอยู่ ดูว่าจะเดินต่อไปอย่างไร
อ.จตุรงค์มองยังไง ตอนนี้ติดต่อสีกา ก. ไม่ได้ ไปที่บ้านก็ปิดเงียบ?
จตุรงค์ : ผมว่ายัยสีกา ก. หรือสีกาสากเหล็ก ผมว่าเขาช่ำชองจากข้อมูลที่ผมมี ผมว่าเขาไม่ธรรมดา ผมไม่รู้ว่าเขามีสามีกี่คน เพราะสื่อหลายแหล่งข่าว หลวงพ่อพยอม สำนักพุทธ ก็ไม่มีใครกล้าคอนเฟิร์มว่ามีสามีกี่คน แต่ปัญหาที่เจอตอนนี้คือมีบุตร 3 คน มีพระภิกษุไปรับรองบุตร 2 คน นี่คือที่ผมอึ้ง ผมก็ตกใจพอสมควรกับเรื่องนี้ ผมไม่เคยเห็น จากที่ผมจำความได้ จะมีผู้หญิงคนไหนกล้าดีให้พระมารับรองบุตรของตัวเอง จะอ้างเป็นบุตรบุญธรรมเหรอ สมมติอาจมีลูกกับคนอื่น แต่กล้าเอาชื่อพระภิกษุมาเป็นพ่อเด็กมั้ย ผมไม่รู้ทำไมกระทรวงมหาดไทยทำให้ กองงานทะเบียราษฎร์ต้องถามกระทรวงมหาดไทย แต่ใส่ไปแล้ว ปัญหาคือลูกของสีกาสากเหล็ก คนโตสุด เป็นอดีตเจ้าคณะตำบล ที่บางระกำ จ.พิษณุโลก สามีคนแรก ผมก็เลยงงว่าใส่จีวรอยู่เนี่ยนะ แล้วไปรับรองบุตร คนแรกก็อาจผิดพลาดทางเทคนิค เดี๋ยวก็คงสึก แต่ว่าไม่สึก แต่ลูกคนที่ 3 พีคสุด
สีกา ก. พัวพันพระชั้นผู้ใหญ่เยอะ มีลูก 3 คน อายุ 13 10 6 ปี บุตรสองคน พระและสีกา ก. ทำหน้าที่พ่อกับแม่ จนมีบุตรคนที่ 3 สีกาให้ทางน้าเซ็นรับรองให้ สามีคนแรกเป็นอดีตเจ้าคณะตำบล?
จตุรงค์ : คนเราเริ่มไต่แรงก์ เหมือนเล่นเกม เอาตำบลก่อนเพราะจะง่าย ผมก็ไม่เข้าใจ ถ้าท่านไม่ได้มีอยากชี้แจงก็ได้ ผมไม่โอเคเลยที่ท่านไปเซ็นรับรองบุตร ท่านไปเซ็นทำไม ผมไม่กล้ายืนยันหรอกว่าท่านเป็นพ่อเด็กจริงหรือเปล่า แต่ท่านเซ็นรับรองบุตร ผมเข้าใจว่าคงมีคนไปขุดคุ้ยท่านในทะเบียนราษฎร์ ท่านเลยชิงสึกเสียก่อนเพื่อไม่ให้ปราชิก แต่กลับมาบวชใหม่ ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดๆ นึงอยู่ในพื้นที่เดิม
คนที่สองเป็นอดีตพระอาจารย์อยู่มจร.?
จตุรงค์ : น่าตกใจมาก พระอาจารย์รูปนี้เป็นคนที่หลวงพ่อพะยอมกล่าวถึงในหลายๆ สื่อ คืออนาคตไกล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ ปธ.9 อัปจากสายสังฆาธิการตำบล มาเป็นสายวิชาการ มีคนไปขุดคุ้ยอีกว่ามีการไปรับรองบุตร
ปัจจุบันบุตรกับสามีคนที่สองอายุ 10 ขวบ?
จตุรงค์ : นั่นแหละ พอรับรองบุตรก็แบบเดียวกับคนแรก พอมีคนขุดคุ้ยมากเข้าก็ลาสิกขา แต่อันนี้ไม่กลับมาบวช แต่ทุกวันนี้เป็นอาจารย์อยู่สถาบันศึกษา มจร.อยู่
สามีคนที่สาม อัปเวลขึ้นไป?
จตุรงค์ : จากตำบล วิชาการ คนที่สามเป็นเจ้าคณะจังหวัด ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน มีลูก 1 คน แต่มีข้อสังเกตคือ ไม่มีการรับรองบุตร เพราะมีประวัติจากสองคนก่อนหน้ามาแล้ว ก็เลยใช้วงศาคณาญาติมารับรองบุตรแทน แต่ชาวบ้านในจังหวัดนั้นไม่พอใจรุนแรงมาก เลยแห่กันไปแจ้งความตร. และแห่กันไปร้องสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สามีคนที่ 4 นักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม และสามีคนที่ 5 ก็อยู่วงการสงฆ์ คือทิดอาชว์อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีฯ?
จตุรงค์ : ก็อัปเวลอีกเช่นกัน ผมกลัวผู้หญิงคนนี้ต่อไปจะไปถึงระดับสมเด็จพระราชาคณะมั้ย กลัวใจจริงๆ นางเหมือนอัปแต้มไปเรื่อยๆ ก็ต้องฝากว่าระวังนะ ถ้าผู้หญิงคนนี้นั่งรถหรูไปทำบุญที่วัดท่านก็ต้องระวัง เพราะที่ผ่านมานั่งรถหรู บีเอ็ม รถตู้อัลพาร์ด ผมเลยไม่แน่ใจว่ารถหรูเหล่านี้ใครให้ เอามาจากไหน นั่งรถหรูไปตามวัดต่างๆ แล้วไปทำแบบนี้ พระอย่าไปลงกลนะ พอเห็นว่ารวยหน่อย เอาใจไปอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้นะครับ ยิ่งรถหรูมาท่านต้องระวังนะ เตือนไว้ก่อน สีกาทรงแบบนี้
ตามข่าวบอกว่ารถหรู ทรัพย์สินแบรนด์เนม สามีคนที่สามเป็นคนให้?
จตุรงค์ : เท็จจริงไม่รู้ แต่ข่าวลือเป็นอย่างนั้น ช่วงแรกข่าวออกมาบอกว่าเขาเป็นไฮโซ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความไฮโซมาจากเงินหลังคาโบสถ์วัดใดวัดหนึ่งหรือเปล่า มาจากงานกฐินวัดใดวัดหนึ่งหรือเปล่า ฝากไว้ให้คิด คุณเป็นไฮโซแบบไหน ทำงานอะไร ผมว่าพี่หมวยยังไม่กล้าใช้รถใช้กระเป๋าแบบเขาเลย ดูเขาทำสิแต่ละอย่าง ผิดปกติ คุณทำอาชีพอะไร เป็นลูกหลานคณหบดีกิจการไหน ไปดูข้อมูลทะเบียนราษฎร์ก็รู้อยู่ว่าพ่อแม่คุณเป็นใคร พระก็หลงเชื่อไปกับเขาแล้วพลาดกัน
พฤติกรรม สีกา ก. มีลูกตั้ง 3 คนกับพระชั้นผู้ใหญ่ อาจารย์มองยังไง?
ดร.กฤษณพงค์ : ถ้าเป็นไปตามข่าว ผู้ชมคงมีการตั้งคำถามเหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงท่านนี้จึงจ้องแต่พระ ทำไมไม่ไปคนอื่น แต่เหมือนเขามีครอบครัวอยู่ ถ้าเป็นพระผู้ใหญ่อาจเกี่ยวข้องเงินหรือไม่ ถ้าเกี่ยวกับนักงานเมืองก็เกี่ยวเนื่องกับอำนาจแล้ว นั่นคือเงินและอำนาจ สีกาท่านนี้อาจมองว่าวิธีการเข้ารูปแบบแบบี้ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย เริ่มทำจากระดับหนึ่งขึ้นมาก่อน เรียนรู้ว่าทำแบบนี้จะได้เงิน แล้วพูดง่ายๆ พระไปเปิดเผยก็ไม่ได้ เพราะผิดธรรมวินัยอยู่แล้ว ถ้ามีสัมพันธ์กับสีกา ก็ทำให้เกิดการเรียนรู้ว่าถ้าทำแบบนี้จะได้เงินจากพระ หลังจากนั้นเริ่มระดับมา เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น ต้องแยกกัน แต่แน่นอนคนทำไม่ถูกต้อง เราต้องคัดกรองออกมา แยกออกมา ไม่ว่าสีกา หรือพระที่อาจผิดพระธรรมวินัย ก็ต้องแยกออกมา
พี่หมวยถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ถ้าเปรียบเทียบเป็นคุณลุงอายุมาก ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจ กับพระชั้นผู้ใหญ่ บวชมานาน คนเลื่อมใสศรัทธา เลยทำให้สีกาท่านนี้เข้าถึงและเข้าถึงเงินด้วย ก็เป็นการเรียนรู้ แต่ถามว่ามีความผิดปกติ เป็นรสนิยมหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของเขา แต่รสนิยมแบบนี้ไม่ถูกต้องแน่ๆ ก็เป็นอุทาหรณ์อีกครั้งนึงว่าเส้นแบ่งระหว่างสีกากับพระต้องให้ชัดเจน และอยู่ในสถานที่ที่ไม่เป็นที่ติฉินนิทา ถ้าต้องพบปะกัน
เงินและอำนาจ ทำให้ผู้หญิงคนนี้เข้าหา?
ดร.กฤษณพงค์ : ใช่ครับ ถ้าสังเกตจากประวัติที่เสนอมา ก็เริ่มไต่ระดับมา พระท่านส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์พบปะผู้คนมากมาย โอกาสเท่าทันคนที่ผ่านอะไรต่างๆ ก็จะแตกต่างจากคนที่เจอผู้คนมาฉ้อโกงในแต่ละวัน ย่อมแตกต่างกัน เชื่อว่าด้วยการที่เขาศึกษาเทคนิคตรงนี้ ทำให้เขาเกิดการเรียนรู้ ต่อไปพอเรียนรู้ว่าทำแบบนี้แล้วได้เงิน หรือศึกษาจากเหตุคดีนี้จากคดีอื่นที่ทำก่อนหน้านี้ ที่กระทำกับพระ อาจนำไปสู่พฤติกรรมเลียนแบบ
ไม่มองเรื่องรักแท้เลยเหรอ?
ดร.กฤษณพงค์ : นิยามยากครับ คำว่ารักแท้จะพิสูจน์ได้เบื้องต้น ว่าต้องเป็นความรักที่ไม่หวังอะไรตอบแทน ความรักที่ไม่มีอคติ ไม่มีผลประโยชน์ แต่จากประเมินประวัติสีกาท่านนี้ หลายคนก็คงเห็นตรงกัน คือหนึ่งทำไมจ้องแต่พระอย่างเดียว สามถ้ารักแท้จะต้องมีครอบครัวถึง 4 5 อย่างนั้นเลยเหรอ ทำไมรักแท้ยังไม่เกิดขึ้น ต้องดูคำว่านิยามคำว่ารักแท้ของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน
ทำไมสีกาปล่อยให้มีลูก ถ้าจะมีลูกกับใครสักคน เราต้องรักมากๆ ยอมมากๆ ทำไมยอมให้มีลูกถึง 3 คน?
ดร.กฤษณพงค์ : ตรงนี้ต้องมีการไปตรวจสอบก่อนว่าการมีลูกเกิดขึ้นก่อนเป็นพระหรือไม่ หรือว่ามีในช่วงพระบวชอยู่ช่วงนั้น ถ้าคนที่มีลูกกับสีกาท่านนี้มาเป็นพระ แสดงว่าผิดพระธรรมวินัยแล้ว ส่วนที่มีลูกถึง 3 คน อาจเป็นไปได้ว่าเป็นข้อผูกมัดที่พระเองก็ไม่กล้าทำอะไรได้มากกว่านี้ นอกจากการให้เงิน หรือเรื่องความพลาดก็ได้ แล้วแต่
อาจารย์จตุรงค์มองยังไง?
จตุรงค์ : ผมเห็นด้วยกับอ.โต้ง แต่ถ้าให้วิเคราะห์ไปอีก เผอิญสามีคนที่สี่เขาหย่าร้างไปแล้ว ในสมการนี้ก็ตัดคนที่ 4 ออกไป เขาเป็นนักการเมืองและหย่าร้างกันแล้ว แต่ที่เหลือไม่รู้ว่ายังคบอยู่ด้วยกันมั้ย ผมคิดคล้าย อ.โต้ง แต่คิดว่าน่าจะเป็นหลักประกันที่ดีต่อชีวิตตัวเองและของลูก การมีลูกเป็นหลักประกันชีวิตว่าจะได้เงินเรื่อยๆ ถ้าเรามีลูกกับคนที่สามารถหาเงินได้เรื่อยๆ มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ แต่วิชาชีพไหนก็ตามสบาย ผมไม่มีปัญหา แต่วิชาชีพใส่จีวร-สบง ผมก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ไม่รู้วิธีคิดสีกาท่านนี้คืออะไร แต่มองเรื่องความมั่นคง ปลอดภัย หลักประกัน ถึงต้องมีลูกกับพระให้เกิดความมั่นคง และน่าจะเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรไปได้ตลอด อย่างที่บอก ผมไม่เชียร์จริงๆ รสนิยมนี้ จะวิชาชีพไหนก็ได้ แต่อันนี้ผมขอเถอะ ไมได้เบลมแต่เพศหญิงนะ ผมก็รู้ว่าพระก็ไม่ควรตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างสตรี แต่สตรีดีๆ ก็ไม่ควรเอาวิชาชีพแบบที่ใส่จีวรกับสบง พอคุณไม่ได้พลาดครั้งเดียว การที่คณมีความสัมพันธ์กับพระถึง 4 รู ปมีลูกด้วยกัน 3 รูป อันนี้คือปัญหา ผิดปกติ จะล่าแต้ม สร้างหลักประกันอะไรก็ไม่รู้ แต่ยืนยันว่าการที่คุณมีสัมพันธ์กับพระยังไงก็ผิดปกติ
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าเรียกค่าเลี้ยงดูเจ้าคุณอาชว์ 7.6 ล้าน?
จตุรงค์ : จากที่ได้แอบอ่านแชตที่ผอ.สำนักพุทธจังหวัดนึงส่งมาให้ดู ผมว่าเขาก็แสบนะ เขาเอาลูกที่เกิดจากเจ้าคณะจังหวัดภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบน มาตัดต่อเชื่อมโยงกับเจ้าคุณอาชว์ ผมว่าก็ดูไม่แฟร์ อย่างที่บอกช่วงแรกมีการต่อเงิน 7 ล้านกว่าบาท แสดงว่าคุณต้องมีประสบการณ์ระดับนึงแล้ว อันนี้คงไม่ได้หวังจะมีลูกจริง เพราะชักเริ่มเหนื่อยแล้ว แต่เงินก็อยากได้อยู่ คงคิดว่าเจ้าคณะภาคน่าจะมีเงินเยอะ เลยใช้วิธีนี้ อธิบายพวกเราดีแล้วนะ ดีกว่าท่านต้องไปอธิบายกับตร. มันไม่เวิร์ก ถ้าใช้คำพูดโอเคยังซื้อใจพวกเราได้
สีกา ก. จะทำบุญด้วยเงินก้อนใหญ่ วัดถึงกับประกาศชื่อสีกาออกมา?
พระมหาวัฒนา : ฝ่ายพระสงฆ์โดยเฉพาะพระที่มีสมณศักดิ์ชั้นสูงๆ คณะปกครอง ท่านจะมีรูปแบบรสนิยมคล้ายๆ กับอุบาสิกาท่านนี้ คือมีรสนิยมคล้ายๆ กัน ต้องการมีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับในสังคม ที่ผ่านมาจุดขายอุบาสิกาท่านนี้คือเป็นไฮโซ จริงหรือปลอมไม่รู้ แต่พระสงฆ์ระหว่างคนจนกับคนรวย ท่านก็โฟกัสไปที่อุบาสิกาที่รวยๆ ถ้าคนไหนมีรถเบนซ์ บีเอ็ม รถสวยๆ หรูๆ มาหา ท่านจะให้การต้อนรับเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าถวายปัจจัยเยอะๆ เช่น เจ้าอาวาสวัดม่วง ที่ท่านบอกว่าไม่คบหรอก ญาติโยมกระจอกงอกง่อย ท่านคบแต่ญาติโยมที่รวยๆ ไฮโซ ถวายปัจจัยทีเป็นหมื่นเป็นแสน นี่คือตัวตัดสินว่าพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์ชั้นพระราชาคณะท่านก็มองหาญาติโยมที่รวยๆ อย่างนี้ อาจพาไปทำบุญหรืออะไรสักอย่าง แต่จุดที่มาเชื่อมกันคือรสนิยม ความหรูหรา ฟุ้งเฟ้อ ร่ำรวย เจ้าคณะปกครองที่ท่านชอบแบบนี้ อาจพาญาติโยมไปทำบุญ แต่บางส่วนอาจพาไปทำอย่างอื่นอย่างที่เป็นข่าว เท่าที่ทราบรู้จักกันแค่ 5 วันแล้วพาไปอย่างนั้นได้ แสดงว่าผู้ชายคงรู้ว่ามีลูก 3 ไลฟ์สไตล์อันนึงในสายพระที่พูดๆ กันคือพระชอบแม่ม่ายทรงเครื่องคนรวยๆ อาจเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้อุบาสิกากับพระสงฆ์มาเจอกัน มีปฏิสัมพันธ์กัน ถ้าวันที่ทิดอาชว์เจอกันแล้วมีข่าวว่าไปทำอะไรกัน แสดงว่าพระท่านนี้ท่านก็น่าจะรู้ว่ามีลูก 3 แต่ 5 วันมันไวไปมั้ย ถ้าท่านรู้ข้อมูลก็ต้องระวังตัว ไม่ใช่พากันไปอย่างนั้น ก่อนหน้านี้อาจมีเรื่องอื่นด้วยหรือเปล่า เหมือนที่เราเห็นคดีวัดไร่ขิง เปย์ครั้งแรกก็ 40 ล้านเลยเหรอ นี่คือคำถามที่ชาวพุทธสงสัยและตกใจ ว่าคณะสงฆ์ระดับเจ้าคณะภาคเปย์สีกาคนเดียว 40 ล้าน ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นก็คงมี เราเห็นพฤติการณ์ของพระสงฆ์เองก็ดี ชอบแม่ม่าย คนรวย อุบาสิกาทรงเครื่อง และสายเปย์ พอมาแบบนี้ พระสงฆ์ติดเบ็ดง่ายเลย เห็นว่ารวย ได้ปัจจัยง่ายๆ เยอะ ก็หลงไปเรื่องสตรี สตางค์ มีเรื่องเมถุน เงิน สุรา สิ่งเสพติด และมิจฉาชีพ ที่พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นมลทินเครื่องมัวหมองของสมณะ เมื่อเกี่ยวข้องกับ 4 สิ่งนี้จะไม่งดงามจากพระธรรมวินัย
พระระดับราชาคณะยังมองหาคนทำบุญที่เป็นคนมีเงิน และเป็นช่องทาง ท่านชอบแม่ม่ายทรงเครื่อง?
จตุรงค์ : พระทุกรูปอย่าเชื่อสีกาที่บอกว่าจ่ายค่าเลี้ยงดูเท่านี้แล้วจบ ผมไม่เห็นจบสักคน เดี๋ยวก็มาตอดเรื่อยๆ ที่เกมๆ กันเนี่ย อย่างกาโตะที่เกมเพราะจ่ายไม่ไหว หลวงพ่อแย้มก็เหมือนกัน จนหลวงพ่อแย้มเหลือเงิน 3 พันเติมน้ำมันรถ คิดดูแล้วกัน ยืมเพื่อน ยืมฝูง ยืมโยม จนไม่เหลืออะไรแล้ว อย่าไปเชื่อนะครับ คำที่บอกว่าขอก้อนเดียวแล้วจะไป มันไม่ไปจากชีวิตท่านหรอกครับ ผมถึงอยากให้สามคนมาช่วยยืนยัน ใครก็ได้ สามีของลูกทั้งสาม ว่าทุกวันนี้ยังขอค่าเลี้ยงดูบุตรอยู่มั้ย ผมเข้าใจว่าเบอร์หนึ่งที่ต้องกลับมาบวชใหม่ เข้าใจว่าเขามีค่าใช้จ่าย คงหาเงินกันไม่ทันก็เลยมาบวชใหม่ คนที่สองก็เหนื่อยหน่อย สึกไปแล้วก็สอนหนังสือกันหูตูบ กว่าจะได้เงินแต่ละคาบ แต่ละวิชา หาเงินสายตัวแทบขาด คนที่สามพระผู้ใหญ่มาก คนนับถือเยอะ น่าจะหาเงินได้ง่าย แต่ระวังไว้นะครับ กลัวเป็นแบบหลวงพ่อแย้ม ถ้าหมุนไม่ทันขึ้นมา จะอยู่ในสังคมยังไง ถ้ามันไถหนักๆ
จ่ายแล้วไม่จบ?
จตุรงค์ : ไม่จบ อย่าเชื่อคำคนเหล่านี้เด็ดขาด ผมยืนยันไม่มีทางจบแน่นอน
พระมหาได้พูดว่าพระราชาคณะหาญาติโยมที่รวย พระก็มองหาความหรูหราเหมือนกัน พระผู้ใหญ่ต้องตัดให้ได้ไม่ใช่เหรอ?
พระมหาวัฒนา : จริงๆ ก็ต้องเป็นอย่างนั้น เดี๋ยวนี้พระผู้ใหญ่เราไม่ค่อยพูดกันเรื่องพระธรรมวินัย ศีลข้อไหนเป็นยังไง ในวงสนทนา ไม่ทราบว่าเพราะอะไร สันนิษฐานได้ว่าคงมาหยุดอยู่ที่เรื่องลาภสักการะ และอุบาสิกาที่มาเปย์ มาทำบุญร่วมด้วย ก็ต้องมองว่าอาจเป็นมารก็ได้ กิเลสมารนั่นแหละ พระบางท่านรู้สึกเคร่งครัดมากในยุคแรกๆ เท่าที่ทราบ ทิดอาชว์เป็นพระสายมอญที่เคร่งครัดมาก ทำไมสุดท้ายกลายเป็นอย่างนี้ เดิมพระสงฆ์ดีๆ หลายท่านนะ แต่ดีในช่วงแรกๆ พอมีลาภสักการะขึ้นมา มีอุบาสิกา มีคนนับหน้าถือตาห้อมล้อม เป็นที่มาเงินทองปัจจัยมากๆ และมากเกินไปด้วย นี่คือสิ่งยั่วยุที่ต้องตัดให้ได้ และพิจารณาเรื่องโลกธรรมหรือกิเลสที่เกิดขึ้นก็ควรกำจัดให้หมดสิ้นไป ไม่ปล่อยให้เป็นเชื้อเจริญงอกงามในจิตใจ จนนำไปสู่การล่วงละเมิดสิกขาบทพระธรรมวินัย ผลคือทุกวันนี้พระผู้ใหญ่หลายๆ รูปที่ยังไม่เป็นข่าวก็เยอะ ก็อาจจะมีออกมาเรื่อยๆ น่าเป็นห่วงมาก จากระแส ทิดแย้ม 888 และทิดอาชว์ 888 แล้วต่อไปไม่ทราบวัดไหนจะโดนบ้าง พระจริงๆ ควรรักษาคงเส้นคงวา มีสมณศักดิ์ก็ต้องสำรวมระวัง ไม่โฟกัสญาติโยมรวยๆ แม่ม่ายทรงเครื่องแล้วประพฤติผิดพระธรรมวินัย พอเกิดขึ้นพระสงฆ์เงียบกัน เพราะคิดว่าท่านน่าจะดี เดิมพระแต่ละรูปคือพระที่ดี แต่พอเสื่อมเสียแล้ว ท่านก็ช่วยกันทำเหมือนไม่เห็น อย่างทิดอาชว์สืบบัญชีวัดไม่พบความผิดปกติ แต่ไม่ดูบัญชีส่วนตัวเหมือนวัดไร่ขิง นี่เป็นส่วนนึงนะ ถ้าความเสื่อมเสียจะเกิดขึ้นก็น่าจะเกิดจากบัญชีส่วนตัว เวลาเปย์อุบาสิกา คงไม่หอบเงินล้านไปเปย์หรอก อาจมีการโอน ฝากคนเกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบบัญชีส่วนตัวด้วย เพื่อให้เท่าเทียมกันระหว่างธรรมยุต กับมหานิกาย
“สีกา ก.” อยู่ในสาย ตอนนี้อยู่ที่ไหน?
สีกา ก. : ขออนุญาตไม่บอกนะคะ
ข่าวที่ออกมาตอนนี้ เป็นตามข่าวมั้ย?
สีกา ก. : ไม่เป็นความจริงเลยค่ะ จะโทรมาชี้แจง กรณีคนที่ 1 ไม่เป็นความจริง เพราะท่านไม่ได้เป็นพ่อของลูกหนู ท่านแค่เซ็นรับรองบุตรให้เพราะว่าพ่อของลูกหนูเขามีครอบครัวอยู่แล้ว ช่วงนั้นหนูยังเด็ก ประมาณ 22 ไม่อยากมีปัญหา หลวงพ่อท่านเป็นญาติกับที่บ้านหนูนี่แหละค่ะ ไม่เข้าใจว่าการเซ็นรับรองบุตรพระเซ็นได้หรือไม่ได้ ก็เลยให้ท่านเซ็นให้ค่ะ ส่วนกฎหมายเซ็นได้มั้ย หนูไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นพ่อของลูก หนูสามารถให้พ่อของลูกตรวจดีเอ็นเอได้ ถ้าไม่มีปัญหากับครอบครัวเขานะคะ
สาเหตุที่พ่อของลูกไม่เซ็นเนื่องจากมีครอบครัวอยู่แล้ว?
สีกา ก. : ใช่ค่ะ เรื่องนี้ปฏิเสธร้อยเปอร์เซ็นต์ สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ค่ะ
ไม่มีคนอื่นเหรอ ทำไมต้องให้พระมาเซ็นรับรองบุตรให้?
สีกา ก. : ตอนนั้นไม่ทราบว่าต้องเซ็นหรือไม่เซ็นยังไง ก็ให้ท่านเซ็นให้ ท่านก็ดูแลเล็กๆ น้อยๆ นับถือกันอยู่แล้วค่ะ
มีญาติผู้ชายคนอื่นที่จะมาเซ็นให้มั้ย?
สีกา ก. : ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรคิดว่าแค่เซ็นรับรองบุตรมันก็จบ หนูไม่ได้คิดไกลถึงว่ามันจะผิดหรือไม่ผิดค่ะ
ยืนยันไม่มีความสัมสพัน์เชิงชู้สาวกับคนที่1?
สีกา ก. : ไม่มีร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ มันพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอนค่ะ
คนที่2?
สีกา ก. : เขาสึกประมาณปี 57 ค่ะ สึกเพราะจบดร.แล้ว และต้องทำงานเขาเลยสึกเพื่อทำงานค่ะ ที่หนูท้อง หนูท้องปี 58 ค่ะ คนละไทม์ไลน์กันค่ะ เขาเซ็นรับรองบุตร เพราะเราแต่งงานกันถูกต้องตามปกติเลยค่ะ หนูแต่งงานกับเขาปี 57 เขาสึกก่อนแต่งงาน เรารู้จักกันปกติ เขาสึกเพราะจะทำงานค่ะ
รู้จักตอนเป็นพระ?
สีกา ก. : รู้จักตอนเขาสึกแล้วค่ะ แล้วแต่งงานปี 57 ท้องปี 58 ไม่จริงตามข่าวที่บอกว่าหนูท้องแล้วเขาต้องสึก อันนี้ก็พิสูจน์ได้ตามใบเกิดลูกหรือต่างๆ ค่ะ
รู้จักกันนานมั้ย สึกปี 57 รู้จักแป๊บเดียว ถ้าแต่งปี 57?
สีกา ก. : หนูมองว่าคนเราถ้าจะรักกัน เวลาไม่ได้สำคัญค่ะ
สึกเดือนไหนของปี 57?
สีกา ก. : รายละเอียดจริงๆ จำไม่ได้ว่าเดือนไหน แต่ถ้าให้หนูยืนยันได้คือเขาสึก 57 แต่หนูคลอดลูก 58 ก็ไม่เป็นความจริงที่ว่าหนูท้องก่อนเขาถึงสึก เขาสึกเพราะเขาเรียนจบดร.แล้ว และเขาต้องทำงาน เขาเลยสึกมาทำงานค่ะ
แต่งเดือนไหนของปี57?
สีกา ก. : น่าจะก.ค. มั้งคะ ไม่แน่ใจ
คลอดเดือนไหนปี 58?
สีกา ก. : ประมาณปลายๆ ปีนี่แหละค่ะ
พอคลอดลูกก็เป็นสามีภรรยากัน เลิกกันตอนไหน?
สีกา ก. : เลิกปี 59 ค่ะ กับคนนี้ไม่มีอะไรผิดเลยค่ะ แต่ช่วงเวลาดูใจอาจแป๊บเดียว
คนที่ 3?
สีกา ก. : กรณีหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดก็ไม่เป็นความจริง ที่หนูต้องออกมาชี้แจงวันนี้เพราะทุกท่านจะเสื่อมเสียไปมากกว่านี้ แล้วหนูเห็นใจทุกท่านที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย กรณีที่บอกว่าลูกหนูเป็นลูกเจ้าคณะจังหวัด จังหวัดนึง อันนี้ก็ไม่เป็นความจริง เพราะว่าหนูกับท่านเคารพนับถือกันปกติ ถ้าจะให้ตรวจดีเอ็นเอลูกหนูก็ยินดีค่ะ การตรวจดีเอ็นเอไม่ใช่ท่านมีความสัมพันธ์กับหนูเชิงชู้สาวแล้วตรวจนะ ตรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าท่านไม่ได้ผิดค่ะ
คนที่สามรู้จักกันยังไง?
สีกา ก. : อันนี้เป็นข้อมูลส่วนตัวของหนู หนูจะตอบประมาณว่าสามารถตรวจดีเอ็นเอหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดได้เลยค่ะ เพราะหนูมั่นใจได้เลยล้านเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มีสัมพันธ์เชิงชู้สาวใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ ให้น้าชายเซ็นรับรองบุตร หนูก็มีปัญหาส่วนตัวของหนู ก็ให้น้ารับรองบุตรไปก่อนก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราไม่ได้จะเอาไปทำอะไรลูกจะเข้าโรงเรียนหรืออะไร เพราะหนูเป็นคนรับผิดชอบลูกเองทั้งหมดทุกคนอยู่แล้วค่ะ
ทำไมพ่อที่แท้จริงไม่จดรับรองบุตร?
สีกา ก. : อันนั้นก็เป็นข้อมูลส่วนตัวนะคะ หนูจะชี้แจงเฉพาะเจ้าคณะจังหวัด ยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นพ่อของลูกหนูค่ะ
รู้จักเป็นการส่วนตัวมั้ย?
สีกา ก. : รู้จัก แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวมากค่ะ รู้แค่ว่าท่านคือเจ้าคณะจังหวัด เพราะหนูเคยไปกราบ ไปทำบุญปกติ หนูชอบทำบุญเรื่องปกติค่ะ
ไปทำบุญที่วัดเจ้าคณะจังหวัดบ่อยแค่ไหน?
สีกา ก. : แทบไม่ได้ไปเลยค่ะ มีไปไหว้พระในโบสถ์บ้าง หรือมีงานวันสำคัญทางศาสนาบ้างเล็กๆ น้อยๆ ปกติหนูไม่ค่อยได้อยู่ในพื้นที่
ทำไมมีข่าวว่ามีความสัมพันธ์กับสีกา ก. แล้วท่านมาเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับสีกา ก.ได้ยังไง?
สีกา ก. : เรื่องนี้เชื่อมโยงมาจากปี 66 ที่เคยออกข่าวมาครั้งนึงแล้วมีชาวบ้านกลุ่มนึงวัดนึง ที่มีเรื่องประท้วงกัน ก็เชื่อมโยงจากตรงนั้น ตอนนั้นหนูได้ให้แฟนหนูทำหนังสือชี้แจงเรื่องนี้ไปถึงเจ้าคณะภาคแล้ว ตอนนั้นก็เลยจบไปแล้ว
จตุรงค์ : ณ วันนั้นที่ชาวบ้านออกมาประท้วงกันในท้องที่ ทางคุณได้นัดพระ กับคนกล่าวหาทั้งหมดไปตรวจดีเอ็นเอร่วมกันเพื่อตอกหน้าชาวบ้านกลับไปนี่ครับ
สีกา ก. : ตอนนั้นหนูมองว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร และไม่ได้เป็นจริงตามข่าว เลยให้แฟนหนูทำหนังสือชี้แจงไปที่เจ้าคณะภาค เพราะเขาก็ต้องสอบอยู่แล้วค่ะ ตอนนั้นก็เรียบร้อยไปแล้วค่ะ เหมือนเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ตอนนี้ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องเลย แต่ข่าวโยงมาให้มันดูเกี่ยวข้องค่ะ หนูเลยอยากชี่แจงประเด็นนี้ แล้วก็ประเด็นคนที่สี่ที่เป็นนักการเมือง เมื่อวานที่หนูให้ข่าวช่องนึงไปว่าจะไม่พูดถึงเขา เพราะเขามีภรรยาอยู่แล้ว ไม่อยากพาดพิงใคร แต่พอเขาออกมาให้ข่าวโจมตีหนู ก็ขอชี้แจงนิดนึง หนูรู้จักกับเขาจริง แล้วเขาเคยชวนไปที่บ้านเขา หนูไปกับน้องชายหนูนี่แหละค่ะ หนูเจอผู้หญิงสองคน คนนึง 60 – 70 กว่า อีกคนก็ 50 กลางๆ คนแรกคิดว่าเป็นแม่เขา ก็สวัสดี แล้วก็สวัสดีพี่อีกคน คิดว่าน่าจะเป็นภรรยา แต่มารู้ทีหลังว่าสองคนนี้เป็นภรรยาเขาทั้งคู่ พี่คิดว่าเขาให้ข่าวว่าหนูหลอกให้แต่งงาน หมดเงินไป 7 แสน อันนี้ก็ไม่เป็นความจริงตามนั้น พอคบกันไปสักระยะ ก็มีคนทักเฟซบุ๊กหนูมาอีกคนนึงถามว่าหนูเป็นอะไรกับนักการเมืองคนนี้ ผู้หญิงถ้าเป็นเจ้าของใครก็คงอยากแสดงตัว ทำให้รู้ว่าเขามีผู้หญิงอีกคนนึง ก็เป็นสามคน หนูไม่มีความจำเป็นต้องอยู่กับคนที่มีผู้หญิงถึง 3 คนแล้วอีกสองคนอยู่ในบ้านเดียวกัน มันดูตลกค่ะ หนูก็เลยแยกย้ายดีกว่า ตีตัวออกห่างออกมา ส่วนที่เขาบอกว่าหนูหลอกให้แต่งงานหมดเงินไป 7 แสนก็ไม่เป็นความจริง หนูคิดว่าเราจบกันแล้ว หนูคืนของให้ดีกว่าจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน และหนูก็ไม่ได้อยากได้อะไรจากเขา หนูก็ซื้อทองคำคืนเขา 5 บาท ทั้งที่เป็นสินสอดใดๆ ก็ได้ หนูไม่ต้องคืนก็ได้ หนูก็คืนให้
ตอนแต่งงานทำไมถึงยอมแต่ง ไม่รู้เรื่องภรรยาเขาเหรอ?
สีกา ก. : ก็รู้ในระดับนึง แต่มีดีเทลที่เยอะกว่านี้ค่ะ หลังๆ เราเริ่มรับไม่ได้ มันก็มี 3 นี่ มันก็ไม่โอเคแล้ว มีหลายๆ ประเด็น ที่เขาให้ข่าวหนูหลอกเขาสูญเงินตั้ง 7 ล้านแล้วบอกจะให้เงินเขา 4 ล้าน จนวันนี้ยังไม่เคยบอกพ่อแม่หรือญาติด้วยซ้ำว่าหนูคืนทองเขาไป หนูคืนแค่นี้เพราะที่เขาให้มาคือเงิน 4 แสนกับทอง 4 บาท แต่หนูคืนให้ 5 บาทค่ะ
ยืนยันว่าไม่ได้หลอก?
สีกา ก. : ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ค่ะเพราะมีการซื้อทอง ทุกอย่างยืนยันได้หมดค่ะ
คนที่ 4 จดทะเบียนมั้ย?
สีกา ก. : ไม่มีค่ะ จะจดทะเบียนได้อย่างไร เขามีแฟนอยู่ 13 คน
คนที่ 5 ท่านเจ้าคุณอาชว์?
สีกา ก. : หนูขอพูดแค่ว่ามันไม่ได้เป็นจริงตามนั้น วันนี้ที่ขอโฟนอินมา เพราะมองว่า 1 2 3 4 ค่อนข้างเสียหายต่อพระผู้ใหญ่ ไม่ว่า 1 3 หรือพี่คนที่ 2 ไม่ได้เป็นไปตามนั้น ก็เลยอยากชี้แจงแค่นี้ค่ะ ส่วนคนที่ 5 หนูไม่ได้เจอท่านค่ะ ไม่ได้มีการคุย ไม่สามารถบอกว่ารีดไถท่านใดๆ ตามข่าวค่ะ ไม่ได้เจอท่านนานมากแล้วค่ะ ไม่มีการรีดไถใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ หนูขอตอบแค่นี้ค่ะ ตอนนี้ทำให้พระผู้ใหญ่เสียหาย ทุกอย่างตรวจสอบได้หมดค่ะ
พร้อมให้ข้อมูลทั้งหมดกับตร.มั้ย?
สีกา ก. : ได้ค่ะ ยินดีค่ะ
คนที่ 5 ที่มีกระแสข่าวว่ามีคลิปวิดีโอ แชตข้อความเรียกเงิน 7.6 ล้าน ไม่ปฏิเสธหน่อยเหรอถ้าไม่เป็นความจริง?
สีกา ก. : ถ้าคนที่คุยกับหนูฟังอยู่ เขาจะทราบดีว่าเรื่องจริงในแชตไลน์เป็นอย่างไรค่ะ ขอไม่พูดแล้วกัน อยากชี้แจงแค่นี้จริงๆ ยืนยันอีกอย่างไม่ว่าจะเป็น 1 2 3 ทุกอย่างสามารถตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ได้หมด ส่วนกรณีที่ 2 พี่เขาสึก 57 หนูคลอดลูก 58 ค่ะ ไม่ได้ท้องก่อนเขาสึกแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
กระแสข่าวว่าสีกา ส. บริจาคเงินมากกว่าคนอื่น ขับรถหรูไปทำบุญ?
สีกา ก. : ถ้าสัมภาษณ์พระวัดหนูมาแล้ว ถ้าหนูมีมากกว่าคนอื่นหนูก็จะทำ การทำของหนูไม่ได้ออกสื่อซะส่วนใหญ่ เพราะไม่ได้อยากได้อะไรเพิ่มจากสิ่งที่มีอยู่ แต่วัดที่บ้านหนู หลวงพ่อท่านก็ถามว่าโยมจะทำมั้ย ถ้าหนูทำได้ก็ช่วยกันเพราะเป็นวัดบ้านเกิดหนูค่ะ หนูทำบุญทั้งชีวิตค่ะ
ทำอาชีพอะไร มีรายได้จากทางไหน?
สีกา ก. : หนูมีธุรกิจส่วนตัวค่ะ แต่ขอไม่บอกว่าอะไรบ้าง เส้นทางการเงินเช็กได้อยู่แล้วค่ะ
ค่าใช้จ่ายดูแลบุตร?
สีกา ก. : หนูเป็นคนรับผิดชอบค่ะ แล้วก็คนที่สองพ่อเขาพอจะช่วยเหลืออยู่บ้างค่ะ ตามที่เขามีค่ะ
จตุรงค์ : มีสำนักพุทธ หรือสำนักงานตร.แห่งชาติ ติดต่อไปบ้างมั้ย
สีกา ก. : ไม่มีนะคะ
จตุรงค์ : อ้าว บิ๊กเต่าครับ ลูกน้องท่านสอบลมหรือเปล่า ฝากบิ๊กเต่าช่วยกรุณาติดต่อเขาหน่อยนะ
สีกา ก. : กรณีบอกว่าเป็นไฮโซ ขับรถหรู ใช้กระเป๋าแพง หนูก็มีเพื่อนเยอะ บางทีรถก็เป็นรถเพื่อนบ้าง เหมือนเราก็อยากลงโซเชียลตามประสาวัยรุ่นคนนึงค่ะ แต่มาใช้คำว่าไฮโซหนูไม่ใช่ไฮโซค่ะ หนูก็เป็นชาวบ้านธรรมดาปกติค่ะ ทำบุญก็ทำตามที่ไหว หลักพันหลักหมื่น ไม่ใช่หลักล้าน สิบล้าน
จตุรงค์ : ถ้าหน่วยงานกลางจะตรวจดีเอ็นเอ ส่วนใหญ่เข้าร่วมกับหน่วยงานกลางมั้ย
สีกา ก. : ยินดีที่สุดค่ะ พระผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องจะได้ไม่โดนสังคมเอาไปพูดขนาดนี้ หนูก็รู้สึกเสียใจว่าท่านไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ เลยค่ะ
ได้ติดต่อกลับไปที่คนที่ 1 2 3 มั้ย?
สีกา ก. : ได้คุยบ้างแล้วค่ะ กับทั้งหมด ทุกอย่างเป็นความจริง หนูมองว่าความจริงมันง่ายมาก ไม่ต้องมีอะไรซับซ้อน มีเรื่องจริงของมันอยู่แล้ว
ถ้าไม่มีมูลแล้วข่าวออกมาจากไหน?
สีกา ก. : หนูก็ไม่ทราบนะคะ ถ้าเป็นไปตามที่พอจะฟังบ้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่ทราบว่าทุกคนคิดว่าหนูเป็นอย่างไรใดๆ แต่หนูจะชี้แจงเฉพาะความจริงที่เกิดขึ้น ตอนนี้มันมีผลกระทบต่อลูกหนูค่ะ (ร้องไห้) อาจมีคนเกลียดหนูนะคะ หนูอาจดูเด่นกว่าคนอื่น (ร้องไห้)
จตุรงค์ : เป็นไปได้มั้ยว่าคนที่อยู่ในจังหวัดบ้านเกิดเป็นคนให้ข่าวทั้งหมด
สีกา ก. : ใช่ค่ะ แล้วหนูจำคนที่ให้ข่าวได้ทั้งหมดค่ะ ต่อให้เบลอแค่ไหนหนูก็รู้ว่าเป็นใคร หนูเตรียมฟ้องกลับแน่นอนค่ะ
จตุรงค์ : ใช่คนที่เคยให้ข่าวใส่ร้ายคุณปี 66 มั้ย
สีกา ก. : ใช่ค่ะ มันเป็นเรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่
เรื่องเกิดหลายวันแล้ว ทำไมเพิ่งออกมาตอนนี้?
สีกา ก. : ตอนนี้มันมีผลกระทบต่อลูกๆ หนู (เสียงสั่นเครือ) หนูไม่แคร์ใครเลยค่ะ นอกจากครอบครัวหนู หนูรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมเลย ลูกหนูไม่ได้ผิดแต่ไปโรงเรียนแล้วโดนเพื่อนล้อ (ร้องไห้) เรื่องเส้นเงินก็ตรวจสอบได้เลยค่ะ หนูก็ไม่ได้มีเงินอะไรมากมาย หนูเป็นแค่คนธรรมดา ส่วนรถหรูต่างๆ ของเพื่อนบ้างอะไรบ้าง แค่ถ่ายรูปกันค่ะ ถ่ายรูปก็ไม่ได้หมายความว่ารถมันเป็นของหนู ถูกต้องมั้ยคะ จริงๆ จะใช้คำว่าพระมาเกี่ยวข้องกับหนูก็ไม่ถูก หนูเป็นแค่คนๆ นึงที่อาจชอบทำบุญมากกว่าคนอื่น ก็เลยได้รู้จักพระผู้ใหญ่เยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปมีอะไรที่เป็นแบบนั้นค่ะ
พร้อมออกโหนกระแสมั้ย?
สีกา ก. : ตอนนี้ไม่สะดวกค่ะ ที่ชี้แจงเพราะอยากปกป้องลูกหนู เพราะตอนนี้ที่โรงเรียนมีผลกระทบมากๆ ค่ะ
จตุรงค์ : คิดสักวันสองวันมั้ย ให้โอกาสได้ชี้แจงกับสังคม ทางทีมงานเขาปกป้องคุณได้เต็มที่
สีกา ก. : หนูว่าหนูชี้แจงชัดเจนแล้ว เรื่องตรวนดีเอ็นเอใดๆ ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ มันสามารถยืนยันได้ทางวิทยาศาสตร์ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้วว่าลูกหนูเป็นลูกใคร แล้วการที่ให้พระผู้ใหญ่มาตรวจดีเอ็นเอ ไม่ได้หมายความว่า ท่านมีสัมพันธ์กับหนูนะคะ แต่ตรวจให้ทุกอย่างมันชัดเจนว่าท่านไม่ได้มีอะไรกับหนู ตอนนี้สังคมพูดกันไปใหญ่โต คน 1 2 3 มันดูไม่ดีเลยค่ะ
ทางบิ๊กเต่าบอกว่าทิดอาชว์ถ้าออกมา สามารถแจ้งความกรรโชกทรัพย์กับสีกา ก. ได้ มองยังไง?
สีกา ก. : มันไม่เป็นแบบนั้นแน่นอนค่ะ เรื่องจริงก็รู้กันอยู่ว่ามีแค่ประมาณไหนค่ะ ไม่มีกรรโชกทรัพย์แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์
ไม่มีเรียกค่าเลี้ยงดู?
สีกา ก. : ถ้าคนที่เขาคุยไลน์กับหนูฟังอยู่ เขาจะรู้ว่าในไลน์มันคืออะไรบ้าง
รูปตัดต่อ ทิดอาชว์ สีกา ก. เด็กน้อย พอทราบเรื่องรูปมั้ย?
สีกา ก. : หนูไม่ทราบค่ะ หนูมีเฟซบุ๊ก ติ๊กต๊อกปกติอยู่แล้ว มันก็เป็นสาธารณะ คนจะเอารูปไปทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น หนูใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป มีเล่นโซเชียลปกติค่ะ
ด้าน “ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร” เผยถึงกรณีพระหรือน้าจดรับรองบุตรได้หรือไม่ ตามกฎหมายอนุญาตให้เฉพาะบิดาทางสายโลหิตเป็นผู้รับรองบุตรเท่านั้น ถ้าคนอื่นไปแอบอ้าง สมอ้างแทนก็เป็นความผิด ต้องไปดูว่าอายุความขาดหรือยังตั้งแต่เซ็นรับรองมา ถ้าพระเซ็นรับรองไม่ใช่พ่อจริงๆ แล้วเซ็นทำไม แล้วเซ็นตั้งหลายคน อันนี้เขาตรวจสอบย้อนหลังได้ อันนี้จะเป็นคนคดีส่วนอาญา แจ้งความเท็จ ให้บันทึกในเอกสารราชการอันเป็นเท็จโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่พ่อ
พ่อของลูกมีครอบครัวอยู่แล้วเซ็นไม่ได้ ในโลกความจริงก็มีที่พ่อแม่บางคนไปเซ็นแล้วไม่ตรงกัน แต่ด้วยเหตุผลอื่น เช่นอยากให้ลูกได้สิทธิสัญชาติไทย เป็นต้น แต่อันนี้ให้พระไปรับรอง ต้องการให้บุตรได้สิทธิอะไรหรือเปล่า แล้วถ้าไม่ใช่พ่อจะไปเซ็นรับรองทำไม พูดแบบนี้เดิมไม่ได้มีงานเข้าถึงพ่อของเด็กหรอก แต่พอพูดไม่ถูกต้อง ตร.ต้องไปตรวจสอบสิว่าเป็นพ่อลูกกันจริงมั้ย ตกลงเซ็นในฐานะอะไร พ่อที่แท้จริงคือใคร สีกาไม่ต้องตอบหรอก เดิมไม่มีคดี แต่ยิ่งพูดยิ่งมีคดีเข้ามา ถ้าพระไม่ใช่พ่อก็หาพ่อที่แท้จริงให้น้องเขาว่าคือใคร ส่วนกรณีท้าตรวจดีเอ็นเอ เจ้าคณะองค์นั้นองค์นี้ มันตรวจไม่ได้ ตรวจเพื่ออะไร ถ้าตรวจไปเด็กเสียหาย ทำไมไม่เอาพ่อที่แท้จริงมาตรวจ อย่าเอาพระมาตรวจ บังคับเขาตรวจไม่ได้ เด็กโตมาแล้ว รู้อยู่แล้วพ่อเป็นใครตามเอกสาร นอกจากพ่อที่แท้จริงแสดงตัวและขอตรวจ มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
ถ้าจะตรวจดีเอ็นเอต้องตรวจพ่อที่แท้จริง จะวิ่งไปหาคนอื่นได้ไง ต้องเอาพ่อเขามาแสดง เรากำลังพูดถึงการแก้ไขน้องคนนึง วันนึงอยากแก้ต้องมีเหตุผลที่ยุติธรรม ฟังได้ด้วย ไม่ใช่นักข่าวสงสัย ใช่ไม่ใช่ ไปตรวจไว้ก่อน ถ้าใช่แล้วเด็กจะทำยังไงต่อใครเป็นพ่อ มันไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช่พ่อไปเซ็นรับรองบุตรผิดกฎหมายแน่นอน อยู่ๆ ผมไม่ใช่พ่อจะให้ผมเซ็นผมไม่เซ็นนะ เราจะไปเซ็นเอกสาร ต้องเป็นข้อมูลจริง มหาดไทยเขาต้องถามว่าเป็นพ่อจริงๆ ใช่มั้ย มหาดไทยเขาไม่ถามเรื่องสัมพันธ์หรือเปล่า เขาถามแค่ว่านี่ลูกคุณหรือเปล่า แน่ใจนะว่าลูกคุณ พระถือศีล 227 ต้องไม่โกหก บอกว่าลูกก็ต้องเป็นลูกไง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : จตุรงค์ ฟาด สีกา ก. มีลูก 3 คน พระภิกษุรับรองบุตร 2 ด้านสีกา ก. โฟนอินโต้ไม่จริง-ร่ำไห้กระทบลูก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th