ทยอยเปิดสถานพยาบาล ขณะยอดผู้พักพิงลดลง รัฐบาลเร่งดูแลสุขภาพและฟื้นฟูจิตใจประชาชนในพื้นที่ชายแดน
ทยอยเปิดสถานพยาบาล ขณะยอดผู้พักพิงลดลง รัฐบาลเร่งดูแลสุขภาพและฟื้นฟูจิตใจประชาชนในพื้นที่ชายแดน
(3 สิงหาคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์ด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากเหตุความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลได้เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิต ความปลอดภัย สุขภาพ และสภาพจิตใจของประชาชนในพื้นที่อย่างรอบด้าน
ข้อมูลล่าสุด ณ เวลา 10.00 น. วันที่ 3 สิงหาคม 2568 มีดังนี้
- ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 17 ราย
- เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ 14 ราย
- เสียชีวิตในโรงพยาบาล 3 ราย
- ผู้บาดเจ็บรวม 38 ราย
- อาการสาหัส 6 ราย (รพ.สรรพสิทธิประสงค์ 1 ราย / รพ.ศรีสะเกษ 4 ราย / รพ.สุรินทร์ 1 ราย)
- อาการปานกลาง 3 ราย (รพ.สรรพสิทธิประสงค์, รพ.ศรีรัตนะ, รพ.เบญจลักษ์ อย่างละ 1 ราย)
รวมผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 55 ราย โดยหน่วยแพทย์ฉุกเฉินยังคงปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมมีการปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
สถานะโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ
- โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบสะสม 20 แห่ง
- เปิดให้บริการตามปกติ 4 แห่ง
- เปิดบางส่วน 10 แห่ง (เพิ่มขึ้น 1 แห่ง ได้แก่ รพ.กาบเชิง – เปิดห้องฉุกเฉินแล้ว)
- ปิดให้บริการ 7 แห่ง (ได้แก่ รพ.น้ำยืน, น้ำขุ่น, นาจะหลวย, กันทรลักษ์, พนมดงรัก, บ้านกรวด, ละหารทราย)
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ได้รับผลกระทบรวม 149 แห่ง
- เปิดปกติ 33 แห่ง (เพิ่มขึ้น 4 แห่ง)
- เปิดบางส่วน 11 แห่ง
- ปิดให้บริการ 105 แห่ง (ลดลง 4 แห่ง)
สถานการณ์ผู้พักพิงและการเคลื่อนย้ายประชาชน
- จำนวนผู้พักพิงในศูนย์พักพิงชั่วคราว ลดลงเหลือ 26,880 ราย
- กลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ลดลงเหลือ 2,413 ราย
- ทีมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน ลดลงเหลือ 8 ทีม สอดคล้องกับจำนวนผู้ได้รับผลกระทบที่ลดลง
รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงดำเนินมาตรการเชิงรุกในการดูแลรักษา ฟื้นฟูสุขภาพกายและใจของประชาชนในพื้นที่ พร้อมจัดตั้งระบบสนับสนุนด้านการแพทย์อย่างเป็นระบบ เพื่อเยียวยาผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาว
“รัฐบาลยืนยันที่จะไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกชีวิตคือความสำคัญสูงสุด และเราจะดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างใกล้ชิดและทั่วถึง” นางสาวศศิกานต์ กล่าว