เติมลมยางรถยนต์อ่อนหรือแข็งเกินไป ส่งผลเสียอะไรกับรถบ้าง
การดูแลรักษารถยนต์มีหลายส่วนที่ต้องใส่ใจ และหนึ่งในเรื่องพื้นฐานที่สำคัญที่สุดแต่กลับถูกมองข้ามบ่อยครั้งคือ "แรงดันลมยาง" ผู้ขับขี่หลายคนอาจคิดว่าการเติมลมยางเป็นเรื่องเล็กน้อย จะอ่อนไปบ้างหรือแข็งไปหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมีแรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสมถือเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสารพัด โดยเฉพาะในความปลอดภัยที่อาจทำให้ยางระเบิดขณะขับขี่วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงผลกระทบของการเติมลมยางที่ "อ่อน" หรือ "แข็ง" เกินไป สำหรับคนใช้รถทุกคนกัน
ผลเสียของการเติมลมยาง “อ่อน” เกินไป มีอะไรบ้าง
การปล่อยให้ลมยางอ่อนกว่าค่ามาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนด ถือเป็นเรื่องอันตรายที่ส่งผลเสียในหลายมิติ เราจะพามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น
เมื่อลมยางอ่อน แก้มยางจะยุบตัวลง ทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนมากขึ้น ซึ่งดูเหมือนจะดี แต่กลับเป็นการเพิ่ม "แรงต้านทานการหมุน" อย่างมหาศาล เครื่องยนต์จึงต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อส่งกำลังให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ผลลัพธ์ที่ตามมาโดยตรงคืออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ทำให้คุณต้องจ่ายค่าเดินทางแพงขึ้นโดยใช่เหตุ
2. การสึกหรอของดอกยางที่ไม่สม่ำเสมอ
ปกติแล้วหน้ายางควรจะสัมผัสพื้นถนนอย่างเต็มหน้าและสม่ำเสมอ แต่เมื่อลมยางอ่อน น้ำหนักของตัวรถจะถูกกดลงไปที่ขอบยางทั้งสองด้าน ในขณะที่ส่วนกลางขอโงหน้ายางจะถูกยกตัวขึ้นเล็กน้อย ทำให้ดอกยางบริเวณ "ขอบ" หรือ "ไหล่ยาง" สึกหรอก่อนเวลาอันควรและเร็วกว่าส่วนอื่นอย่างชัดเจน ส่งผลให้อายุการใช้งานของยางสั้นลง ต้องเปลี่ยนยางชุดใหม่เร็วขึ้น
3. เสี่ยงต่อการระเบิดเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว
การที่แก้มยางยุบตัวและบิดเบี้ยวตลอดเวลาขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง จะทำให้เกิดการเสียดสีและสร้างความร้อนสะสมภายในโครงสร้างยางได้อย่างรวดเร็ว เมื่อความร้อนสูงเกินขีดจำกัด อาจทำให้โครงสร้างยางเสียหายและนำไปสู่การระเบิดอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรงได้
ผลเสียของการเติมลมยาง “แข็ง” เกินไป มีอะไรบ้าง
ในทางกลับกัน การเติมลมยางที่แข็งเกินกว่าค่ามาตรฐานก็ก่อให้เกิดปัญหาที่แตกต่างออกไป แต่ยังคงส่งผลเสียต่อการขับขี่และความปลอดภัยเช่นกัน เรามาดูตัวอย่างของปัญหาที่เกิดจากลมยางแข็งเกินไปกันบ้าง
1. ลดทอนประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน
เมื่อลมยางแข็งเกินไป หน้าสัมผัสของยางจะนูนขึ้นตรงกลาง ทำให้พื้นที่ที่ยางสัมผัสกับพื้นถนนจริง ๆ ลดน้อยลง เหลือเพียงแค่ส่วนกลางของหน้ายางเท่านั้น ผลคือประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนจะลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะขณะเข้าโค้งหรือเบรกกะทันหันบนถนนเปียก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการลื่นไถลและสูญเสียการควบคุม
2. การขับขี่กระด้างและทำร้ายช่วงล่าง
ยางที่แข็งเกินไปจะสูญเสียคุณสมบัติในการยืดหยุ่นและดูดซับแรงสั่นสะเทือน ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกถึงความกระด้างของตัวรถได้อย่างชัดเจนทุกครั้งที่ขับผ่านพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือตกหลุม แรงกระแทกทั้งหมดจะถูกส่งผ่านไปยังระบบช่วงล่างโดยตรง เช่น โช้คอัพ, ปีกนก ทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้ต้องทำงานหนักขึ้นและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
3. ดอกยางสึกหรอผิดปกติบริเวณกลางหน้ายาง
ลักษณะการสึกหรอจะตรงกันข้ามกับลมยางอ่อนโดยสิ้นเชิง เนื่องจากหน้ายางที่นูนขึ้นทำให้ภาระทั้งหมดไปตกอยู่ที่ "ส่วนกลาง" ของดอกยางเพียงจุดเดียว ส่งผลให้ดอกยางบริเวณกลางหน้ายางสึกเร็วกว่าขอบยางอย่างเห็นได้ชัด และทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลงเช่นเดียวกัน
ควรเติมลมยางเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าพอดี
ค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมที่สุด ไม่ได้ดูจากตัวเลขบนแก้มยาง (ซึ่งเป็นค่าแรงดันสูงสุดที่ยางรับได้) แต่ต้องดูจาก ป้ายสติกเกอร์ที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักจะติดอยู่ที่บริเวณ เสาข้างประตูฝั่งคนขับ หรือในคู่มือประจำรถ โดยควรทำการวัดและเติมลมในขณะที่ยางยัง "เย็น" หรือยังไม่ได้วิ่งทางไกล เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำที่สุด
จะเห็นได้ว่าการเติมลมยางทั้งอ่อนและแข็งเกินไปล้วนส่งผลเสียมากกว่าผลดี ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย สมรรถนะของรถ และอายุการใช้งานของยางที่ลดลง หากคุณกำลังมองหายางคุณภาพดีเพื่อเปลี่ยนใหม่ NEXEN TIRE TIRE คือแบรนด์ยางสัญชาติเกาหลี ที่ตอบโจทย์ทั้งสมรรถนะและความคุ้มค่า และมีซีรีส์ให้เลือกใช้งานหลากหลาย
สามารถซื้อได้ที่ร้านยางชั้นนำทั่วประเทศ ศูนย์บริการ B-Quik และ MMS ทุกสาขา รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง Shopeeและ Lazada
พิเศษสุด! โปรโมชั่นรับประกันยางบาด บวม แตก ภายใน 1 ปี หรือ 25,000 กิโลเมตร เมื่อซื้อยาง 4 เส้น/ใบเสร็จ และลงทะเบียนภายใน 14 วัน สอบถามเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ หรือเฟซบุ๊ก NEXEN TIRE TIRE THAILAND