“ศบ.ทก.” ย้ำสถานการณ์ไทยกัมพูชายังไม่เปลี่ยนแปลง
"ศบ.ทก." ย้ำสถานการณ์ความมั่นคง ยังไม่มีเปลี่ยน เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติตามปกติ ชี้ กลไกการทำงานของไทยยังมีเอกภาพ จ่อผ่อนปรนขนส่งข้ามแดนหลังสินค้าตกค้างเสียหาย
พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุม ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก.
โดย นางมาระตี เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานในพื้นที่ที่รับผิดชอบด่าน จุดผ่านแดนต่าง ๆ ว่าส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การดำเนินการตามมาตรการควบคุมการผ่านแดนยังคงมีความเข้มงวด ยืนยันว่าไทยมีการอนุโลมสำหรับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม กรณีผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องมารักษาพยาบาลฝั่งไทย รวมทั้งนักเรียน นักศึกษา และบุคคลที่มีความจำเป็นที่ต้องมาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน
โดยช่วง 10 วันที่ผ่านมา ด่านจังหวัดสระแก้ว มีนักเรียน นักศึกษา 6,500 คน ได้รับการอนุโลมผ่านแดน 500-700 คนต่อวัน ส่วนผู้ป่วยมีทั้งหมด 30 ราย นอกจากนี้ยังมีการอนุโลม ให้ประชาชนทั่วไป เดินทางกลับภูมิลำเนาได้ด้วย
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างใกล้ชิด พร้อมขอให้คลายความกังวล และขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยยึดหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม ตามที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอด ยังคงหารือและประสานงานกับฝ่ายกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังมีการหารือมาตรการเยียวยาทางด้านเศรษฐกิจได้รับฟังความกังวลของประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วของนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.68) และนำข้อเสนอแนะ เป็นประเด็นมาหารือยังที่ประชุมให้พิจารณา ทั้งเรื่องรถขนส่งสินค้า ที่ทำให้เกิดการตกค้างของสินค้า เนื่องจากมีการยกระดับความเข้มข้นขึ้นของการผ่านด่าน พร้อมทั้งยังมีการติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจท้องถิ่น และการขนส่งสินค้าในภาพรวม ซึ่งจะกระทบไม่ใช่เพียงเกษตรกรในพื้นที่ แต่จะเป็นภาคธุรกิจของไทย และภาคเอกชนของไทยที่อยู่ในกัมพูชาทั้งยังหารือกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก เพื่อจัดทำมาตรการมีจุดมุ่งหมายแก้ไขและเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่นเรื่องงบประมาณ โดยมีการหาด้วยกันอย่างเข้มข้น
รวมถึงการหารือถึงภารกิจของศบ.ทก. ในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ จากรายงาน 2 ฉบับสำคัญเมื่อ 25 เมษายน ที่ผ่านมา จากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ออกรายงานเกี่ยวกับการหลอกลวงทางออนไลน์ทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งที่สำคัญมีการระบุว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในที่ตั้งสำคัญ ของขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์และล่าสุด และองค์กรนิรโทษกรรมสากล ได้เผยแพร่รายงานอีกฉบับเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์และการหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา
รายงานทั้ง 2 ฉบับตอกย้ำความสำคัญและเหตุผลความจำเป็นที่รัฐบาลไทยจะต้องยกระดับมาตรฐานการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมาตรการสำคัญกับประการหนึ่ง คือการเพิ่มความเข้มข้นของการควบคุมจุดผ่านแดน ในแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งรัฐบาลไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับประเด็นการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายกัมพูชาจะร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินและเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนทั้งสองฝ่าย ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมมือกับไทยซึ่งจะแสดงบทบาทดังในเรื่องนี้ต่อไป
ขณะที่ พลเรือตรีสุรสันต์ ระบุว่า สถานการณ์ความมั่นคงในปัจจุบัน ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ยังคงดำเนินการตามปกติ พร้อมกับเน้นย้ำกลไก การทำงานของไทย ว่าเป็นการดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพ โดยมีศบ.ทก.รับผิดชอบในการขับเคลื่อนมาตรการในการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ และติดตามประเมินผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยการทำงานของศบ.ทก. เป็นการบูรณาการการปฏิบัติของทุกภาคส่วน โดยมาตรการต่างๆที่กำหนดโดยศบ.ทก.เป็นผลมาจากมติของสมช.สั่งการไปอย่างกระทรวงกลาโหม และสั่งการต่อไปยังผู้ปฏิบัติในพื้นที่ โดยคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชาผู้ประกอบการขนส่งสินค้าข้ามแดน เพราะของปากท้องรอไม่ได้
ขณะเดียวกันผลของการตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัดสระแก้วของนายกรัฐมนตรีวานนี้ มีประเด็นห่วงใยเร่งด่วนใน 2 เรื่องคือการผ่อนผันการนำเข้าแรงงานตามฤดูกาล หรือ แรงงานตามมาตรา 64 ของแรงงานต่างด้าว การผ่านเข้าออกของยานพาหนะขนส่งสินค้าข้ามแดน บริเวณพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังบูรพา ซึ่งในปัจจุบันมียานพาหนะขนส่งสินค้าตกค้างตามแนวชายแดนทั้งฝั่งไทย และกัมพูชาอยู่หลายราย และไม่สามารถข้ามแดนได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ศบ.ทก.กำหนดมาตรการผ่อนปรนใน 2 กรณีเป็นการเร่งด่วน ซึ่งศบ.ทก.ได้หารือและมีการกำหนดแนวทาง ซึ่งรายละเอียดจะเป็นการสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อผ่อนปรนต่อไป ซึ่งศบ.ทก.จะยังคงติดตามสถานการณ์ผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ทั้ง 7 จังหวัด
นอกจากนี้ มาตรการบรรเทาผู้ที่ได้รับผลกระทบของประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ผู้ค้ารายย่อย และผู้ที่ส่งออกนำเข้ารวมทั้งผู้ประกอบการทั้งไทยในกัมพูชา โดยในกลุ่มของเกษตรกร ได้มีการกำหนดมาตรการ 2 ระดับ คือมาตรการเร่งด่วนและมาตรการต่อเนื่อง โดยมาตรการเร่งด่วนมีการกำหนดตรวจสอบ การระบายสินค้าพืชผลทางการเกษตร ตามช่องทางต่างๆ โดยพาณิชย์จังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบการประสานงาน ส่วนกลุ่มเกษตรกรก็จะดำรงการประสานงานกับผู้ค้าส่ง ค้าปลีก รวมทั้งขยายช่องทางต่างๆ เช่นความร่วมมือ กับสถานีน้ำมัน และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำดื่มผลไม้เป็นต้น ซึ่งนี่เป็นแนวทางของการระบายสินค้าเพื่อผลทางการเกษตรเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนกลุ่มเกษตรกร
ขณะที่กลุ่มผู้ค้ารายย่อยมี 2 มาตรการ คือมาตรการเร่งด่วน และมาตรการต่อเนื่อง โดยมาตรการเร่งด่วนจะมีการลงพื้นที่สำรวจความต้องการของผู้ค้ารายย่อย และมีการประสานจากสถานที่จัดแสดงสินค้า เพื่อระบายสินค้าของผู้ค้ารายย่อย และอบรมทักษะเพิ่มเติม เพื่อให้การต่อเนื่อง เพื่อให้มาตรการต่อเนื่อง เกิดช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มเติมเช่นช่องทางออนไลน์
ส่วนผู้นำเข้าส่งออกหรือผู้ประกอบการไทยในกัมพูชา มาตรการเร่งด่วนคือการเร่งสำรวจสินค้าที่ตกค้างและสนับสนุนการจัดหาช่องทางขนส่งสินค้าใหม่ๆซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องและหาช่องทางการส่งเสริมสินค้าของไทยในตลาดใหม่ๆ
นางมาระตี ยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อความเข้าใจตจากการพยายามปั่นกระแสในสังคมออนไลน์ของฝ่ายกัมพูชา โดยรัฐบาลไทยขอยืนยันและทำความเข้าใจกับฝ่ายการ ว่ารัฐบาลไทยจะใช้ช่องทางที่เป็นช่องทางทางการเท่านั้น ในการสื่อสารกับรัฐบาลฝ่ายกัมพูชา และอยากให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากส่วนราชการ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews