“มีน-พีรวิชญ์” ท้าทายที่สุดในชีวิตการแสดงกับบทบาท “หมอเหยา” ในภาพยนตร์สยอง “ท่าแร่”
อีกหนึ่งนักแสดงมากความสามารถรุ่นใหม่ที่ได้รับบทบาทอันหลากหลาย ในภาพยนตร์ไทยเรื่องดังมากมาย ล่าสุด ใน “ท่าแร่” ที่กำลังจะเข้าฉาย “มีน พีรวิชญ์” จะมามอบการแสดงที่นับว่าท้าทายและยากที่สุดเท่าที่เคยผ่านมากับบท “หมอเหยา” ที่เขาไม่เคยรู้จัก ภาษาถิ่นที่ไม่เคยพูด พิธีกรรมที่ไม่เคยเห็น แต่เขาก็ได้รับการเวิร์กชอปจากหมอเหยาตัวจริงและหมั่นศึกษาฝึกซ้อมจนอินอย่างรวดเร็วและถ่ายทอดความเป็นภูไทออกมาได้อย่างสมจริง
จุดเริ่มต้นในการร่วมโปรเจกต์นี้
“พี่คุ้ย”ผู้กำกับติดต่อมาทางพี่ผู้จัดการแล้วก็เล่าว่ามีโปรเจกต์ประมาณนี้ให้ผมรับบทเป็นหมอผีในเรื่อง “ท่าแร่” ผมถามพี่คุ้ยคำแรกแลยหมอผีเลยเนี่ยนะพี่ มันก็เกิดคำถามในวินาทีแรกที่ผมได้ยินสิ่งนี้เต็มไปหมดผมเลยขอนัดเจอกันสักครั้งแล้วกันเพื่อที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเพราะเราก็กลัวว่าเราจะทำได้ไหม จะเหมาะกับเราหรือเปล่าพี่คุ้ยก็ส่งโลเคชันมา เจอกันร้านลาบเป็ดตรงแถวพระราม 9
แกก็บอกว่าตอนแรกเขามีแคนดิเดตหลายคนในเรื่องนี้สำหรับบท“หมอเหยา” แต่พี่คุ้ยอยากได้อะไรใหม่ๆอยากได้คนที่ดีไซน์คาแร็กเตอร์ให้ และภาพลักษณ์ใหม่ๆหลุดกรอบจากบทของหมอผีทั่วไปก็เลยชวนผมตอนนั้นใจผมก็รับเล่นแล้ว 80% ได้แต่ว่าเดี๋ยวขอดูบทว่ามันเรื่องอะไรอีกที แต่ก่อนจะแยกจากกันเนี่ยพี่คุ้ยถามผมมาคำหนึ่งว่าพี่ไม่รู้กองนี้เป็นอะไรนักแสดงนัดพี่คุยทุกคนเลย คือก่อนหน้าผมจะเป็น “พี่เจมส์จิ”, “พี่เอก ธเนศ”, “แพรวา” แล้วก็มาผม ทุกคนเรียกพี่คุ้ยออกไปคุยกันหมด(หัวเราะ)
หลังจากที่ได้อ่านบทแล้วเป็นยังไงบ้าง
"ต้องทำการบ้านมากน้อยระดับไหนพอได้อ่านบท อ่านอะไรไม่ออกเลย เพราะว่ามันเป็นภาษาอีสานผมไม่มีความรู้ด้านภาษาอีสานเลย ไม่มีความรู้ด้านภาษาภูไทด้วยแล้วบทมันแบ่งว่าไดอะล็อคตรงนี้เป็นภูไท ตรงนี้เป็นอีสานทางทีมเขาก็ไปแปลมาให้ตอนนั้นก็คุยกันว่าหรือเราจะคุยอีสานให้เหมือนกันทุกคนเลยดีไหมแต่พอผมศึกษาไปเรื่อยๆ เลยตัดสินใจว่าน่าจะต้องพูดภูไท 100%ไปเลย ผมไม่รู้เลยว่าภูไทพูดยังไง เราเอาความมั่นใจสู้ไปก่อนหลังจากวันนั้นบทสวดภูไท สวดยังไงให้เข้าใจความหมาย ยากเลยทีนี้ แล้วทีมงานส่งโคชภาษาภูไทมาอยู่ที่กองให้ด้วยวันนั้นทำให้ผมรู้ว่าภาษาภูไทมี 7 เผ่า และ 7 เผ่าพูดไม่เหมือนกันผมจะเชื่อใครดีจะเผ่าไหนดี สุดท้ายเราก็เลือกหนึ่งในภาษาที่เข้าปากเราอันนั้นก็เป็นความยากอีกอย่างหนึ่งครับอ่านบทดราฟแรกเรารู้สึกว่าสนุก เห็นถึงเส้นเรื่องเห็นถึงทัศนคติต่อตัวหนังที่มันชัดเจนว่าหนังมันอยากแสดงถึงความแตกต่างของวัฒนธรรมระหว่างคริสต์กับผีตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นสกลนคร ทำไมถึงต้องเป็น “ท่าแร่” จุดเริ่มต้นก็มาจากคนเขียนบทที่เป็นคนท่าแร่ด้วย ทุกอย่างเลยยิ่งชัดเจนผมทำการบ้านกับเรื่องนี้หนักมากๆ เมื่อเทียบกับงานที่รับมาในชีวิตนี้ เพราะบทมันไกลตัวมาก ไม่มีความรู้ความเชื่อ ความเข้าใจเรื่องนี้เลยที่เราตัดสินใจรับบทนี้เพราะว่าเรารู้สึกอยากลองทำอะไรที่มันชาเลนจ์ท้าทายตัวเอง ลงคลาสแอ็กติงทางการแสดงในทางใช้ชีวิตเราก็ไปสกลนคร ผมมี 3 แนวความคิดว่าหนึ่งบทต้องเหมาะกับเรา สองคนดูต้องเชื่อ สามคนสกลต้องเชื่อผมมีมายด์เซตหนึ่งว่าถ้าคนสกลไม่ซื้อ คนอีก 76 จังหวัดจะไม่เชื่อแน่นอน
เคยรู้จัก “ท่าแร่” ก่อนจะรับเล่นเรื่องนี้ไหม
"ไม่รู้จักเลย แวบแรกที่อยู่ในหัวคือ “มหา’ลัย เหมืองแร่” ไม่รู้เลยว่า ท่าแร่ เป็นอำเภออยู่ในจังหวัดอะไร นึกว่าเรื่องเกี่ยวกับเหมืองแร่
พอเริ่มคุยกับ “พี่คุ้ย” ถึงได้พอรู้คร่าวๆว่าท่าแร่เป็นชุมชนคนเวียดนามเก่าแก่ มีชุมชนคริสต์ที่ใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย นับถือหลายศาสนามีชนเผ่ามากมายอยู่ร่วมกัน และใช้ภาษาแตกต่างกัน
ความพิเศษของท่าแร่
"ผมคิดว่ามันเป็นเมืองที่มีหลากหลายความเชื่อและทุกคนก็ทั้งยึดถือในความเชื่อของตัวเอง และเคารพในความเชื่อของคนอื่น
สิ่งนี้มันเลยเป็นสิ่งที่โดดเด่นออกมามากเลยครับ คือสมมติผมพูดภูไทอีกคนพูดซ้ง อีกคนพูดอีสาน สามคนนี้พูดด้วยภาษาของตัวเองแล้วก็ฟังภาษาคนอื่นรู้เรื่อง ไปตอนแรกผมก็งง เขาพูดภาษาอะไรทำไมเขาพูดไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายเขาก็เข้าใจกันแล้วตอนช่วงปลายปี เรามาทำคาแร็กเตอร์เป็นช่วงที่ทีมงานเขาจะมาสต็อกภาพของ “เทศกาลแห่ดาว” พอดีพูดตรงๆ ว่าไม่มีความรู้เรื่องเทศกาลนี้เลย ไม่เคยเห็น ไม่เคยดูเราเข้าใจว่าเป็นงานรื่นเริงประจำปี ฟีลเหมือนงานวัดโอ้โห…พอไปถึงต่างจากภาพที่คิดเยอะมาก มันอลังการ
มีความเป็นคริสต์ มีความคริสต์มาส แล้วก็มีความเป็นไทยอยู่ตรงนั้นด้วยเราเดินควันออกปาก กินขนมไทยที่ขายตามงานวัด
แล้วผมเพิ่งกลับมาจากยุโรป ลุยตลาดคริสต์มาสมาผมบอกเลยว่าท่าแร่นี่ไม่แพ้ตลาดคริสต์ยุโรปเลยครับ บทบาท-คาแร็กเตอร์
ผมรับบทเป็น “แม่เมืองโสภา” อาชีพเป็น “หมอเหยา”เหมือนได้ศักดินา มีคำนำหน้าชื่อเป็นแม่เมืองก็คือจะเป็นคนที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผีไทย ผีพื้นถิ่นเรามีผีบรรพบุรุษที่จะคอยช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้านและเราก็จะใช้ความสามารถนี้เป็นสื่อกลางมาช่วยเหลือไม่ว่าจะมีคนเจ็บป่วย วัวหาย ควายหาย ผีเข้า หรือทำขวัญหมอเหยาก็จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แต่ความแตกต่างของคาแร็กเตอร์ของเรากับหมอเหยาคนอื่นๆก็คือเราจะเป็นหมอเหยาแห่งยุคโซเชียล คือทำหน้าที่ไปด้วยแล้วก็ไลฟ์TikTok หรือ Facebook ไปด้วย วินาทีแรกที่คนมาเจอเราเขาอาจจะสงสัยว่าเฮ้ย…นี่ของจริงหรือเปล่า หรือว่ามาหลอกคนอื่นมาทำท่าเต้นรำ มาสวดหลอกๆซึ่งคาแร็กเตอร์ของผมเป็นคนที่อยากช่วยเหลือผู้คนแล้วก็มีความมั่นใจในตัวเองว่าสิ่งที่เราทำมันถูก ฝากติดตามด้วยนะครับ
แฟนๆสามารถติดตามข่าวสารรอบโลกได้แล้ววันนี้ที่ www.dailynews.co.th และทุกแพลตฟอร์มของ Dailynews