คณะ IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน เจอกัมพูชาเปิดเพลงป่วน
วันที่ 22 ส.ค. 68 คณะทูตผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ได้ลงพื้นที่ไปยัง “บ้านหนองจาน” ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดชายแดน และมีปัญหาเป็นพื้นที่พิพาทกันอยู่ หลังในอดีตชาวกัมพูชาลี้ภัย อพยพมาอยู่บริเวณนี้ ตั้งแต่ปี 2520 ที่เรียกว่า “ค่ายอพยพ” และแม้สงครามสงบลงแล้ว แต่ชาวกัมพูชาก็ไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ และกลับปลูกสร้างบ้านเรือน รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทย กินพื้นที่กว่า 50 ไร่
จุดที่คณะ IOT ได้ลงพื้นที่ไปดู เป็นจุด 27 ไร่ จากทั้งหมด 50 ไร่ที่เป็นปัญหา แต่ปัจจุบันทหารไทยได้ผลักดันชาวกัมพูชาที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่จุดนี้ออกไปได้สำเร็จ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจุดที่ตั้งของทหารกัมพูชา และญาติของทหารได้ปลูกสร้างบ้านเรือนเอาไว้ 10 หลัง อยู่กันประมาณ 6 ครัวเรือน ทำให้ก่อนหน้านี้พื้นชาวบ้านฝั่งไทยไม่สามารถเข้าไปทำกินได้ กระทั่งเกิดการประทะเมื่อ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทหารไทยจึงได้ใช้โอกาสนี้ผลักดันชาวกัมพูชาออกไป ซึ่งเราสามารถยึดพื้นที่กลับมาได้เกือบ 500 เมตร และจุดนี้พบซากบ้านเรือนพังเสียหายจำนวนมาก
ในระหว่างที่เดินทางเข้าไปดูจุดที่ชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทย ทางทหารไทยได้มีการชี้แจงรายละเอียดเล่าถึงอดีตที่ชาวกัมพูชาเคยลี้ภัยเข้ามาอยู่ นอกจากนี้ทหารไทยยังชี้แจงต่อคณะทูตผู้สังเกตการณ์อีกด้วยว่า “สิ่งที่ชาวกัมพูชามีความกังวล ก็คือกลัวว่าไทยจะทำลายบ้านที่เขาได้ปลูกสร้างเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะทหารไทยพยายามใช้โอกาสในการเจรจาผ่านการ RBC เพื่อขอจัดระเบียบพื้นที่ใหม่ แต่สุดท้ายทางกัมพูชาก็ไม่ได้รับข้อเสนอนี้ จึงทำให้ไม่มีข้อบันทึกตกลง โดยทหารไทยมองว่าถ้าหากกัมพูชารับข้อเสนอดังกล่าวเอาไว้ ก็จะสามารถนับหนึ่งในการแก้ปัญหาได้
ต่อมาทหารไทย ยังได้มีการอธิบายหลักเขตแดนที่ 46-47 ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นปัญหาจนทำให้เกิดเป็นข้อพิพาท เพราะทางกัมพูชาไม่ยอมรับหลักเขตแดนนี้ของไทย
จากนั้นคณะทูตผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ก็ได้เดินดูพื้นที่บริเวณโดยรอบ พร้อมเข้าไปยังจุดที่เป็นเขตรอยต่อที่ทหารไทย ได้นำสแลนสีดำมากั้นเอาไว้ พอเปิดสแลนออก พบเห็นชาวกัมพูชาบางส่วนเข้ามาสอดส่องดูการลงพื้นที่ของคณะทูตผู้สังเกตการณ์ นอกจากนี้ยังมีการเปิดเพลงเสียงดังลักษณะคล้ายเป็นการป่วนอีกด้วย ซึ่งทางคณะทูตผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวได้ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงในการเข้ามาดูพื้นที่ในครั้งนี้ ก่อนจะขึ้นรถบัสแล้วเดินทางกลับไป
อย่างไรก็ตามนอกจากทหารไทย คณะทูตผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ยังมีตัวแทนชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิ์ในการทำกินบนที่ดินที่ถูกชาวกัมพูชายึดเอาไว้ ได้เดินทางเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ด้วยเช่นเดียวกัน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายบุญเหลือ อายุ 74 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ บอกว่า ตัวเองมีที่ดิน 50 กว่าไร่ อยู่ในหลักหมุดเขตแดนที่ 46 โดยยืนยันมีเอกสารสิทธิ์ เป็นที่ดินตกทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว ที่ครอบครัว ไม่ได้เข้ามาทำกินในที่ดินผืนนี้เลย ยอมรับรู้สึกดีใจมากที่วันนี้ได้เห็นคณะทูตเดินทางเข้ามาดูพื้นที่ตรงนี้ เพราะในฐานะชาวบ้านก็มีความหวังว่าจะสามารถเข้ามาทำกินในผืนดินที่เป็นของไทยได้ และอยากให้แก้ไขให้เป็นรูปธรรม
ส่วนกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว บอกว่า ชาวบ้านไม่มีใครมีสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินที่กำลังเป็นข้อพิพาทกันในขณะนี้ ก็ต้องบอกตามตรงว่า เป็นเพราะผู้ว่าฯ ไม่เคยเข้ามาดูจุดนี้เลย ไม่เคยมาถามชาวบ้าน ไม่เคยมาขอดูว่าชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์อะไรหรือไม่
อย่างไรก็ตามในการพาคณะทูตผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวมาดูพื้นที่ในครั้งนี้ ก็มีเจ้าหน้าที่จากกรมที่ดินเดินทางมาด้วย ทีมข่าวจึงได้ใช้โอกาสนี้ในการสอบความชัดเจน ว่าสรุปแล้วที่ดินที่กำลังเป็นข้อพิพาท ชาวบ้านมีสิทธิ์ในการเข้าไปทำกินหรือไม่ โดยนายอนุรัตน์ ส่องแสง เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจังหวัดสระแก้ว บอกว่า อันดับแรกบอกได้เลยว่าที่ดินที่กำลังเป็นข้อพิพาทอยู่ในตอนนี้ เป็นพื้นที่ประเทศไทย
การที่ผู้ว่าฯบอกในห้องแถลงข่าว ที่พูดว่าพื้นที่จุดดังกล่าวไม่มีใครมีเอกสารสิทธิ์ เป็นการบอกว่าพื้นที่ตรงนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เพราะยังไม่มีการออกโฉนดที่ดิน แต่ที่ชาวบ้านมีนั้นเป็นเอกสาร ส.ค.1 และ น.ส.3 เป็นเพียงเอกสารที่รอทำโฉนด แต่เป็นเอกสารที่รับรองว่ามีสิทธิ์เข้าไปทำกิน แต่ไม่ได้มีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ.