โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

รัฐจะเป็นคู่ความตัวเอง! นักวิชาการอิสระ เพิกถอนที่ดินเขากระโดงของ แบงก์รัฐ และบริษัทมหาชน 62 ไร่ 3 งาน

ไทยโพสต์

อัพเดต 12 สิงหาคม 2568 เวลา 15.33 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

12 ส.ค.2568- ดร.ณพรรษธ์สรฌ์ เสมสันต์ นักวิชาการอิสระ ออกมาตั้งข้อสังเกตกรณีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ถือครองที่ดินในพื้นที่เขากระโดง จำนวน 62 ไร่ 3 งาน อย่างน่าสนใจ ว่า “โฉนดเขากระโดงบนเส้นด้าย เมื่อรัฐเป็นคู่ความของตัวเอง กรณีกรุงไทยกับศรัทธาที่ตลาดทุนจับตา”
.
กรณีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ถือครองที่ดินในพื้นที่เขากระโดง จำนวน 62 ไร่ 3 งาน ไม่ได้เป็นเพียงข้อพิพาททางกรรมสิทธิ์ เหมือนประชาชนที่ถือเอกสารสิทธิ์คนอื่น
.
แต่เป็นเสมือนภาพสะท้อนช่องโหว่ของระบบกำกับดูแลที่เชื่อมโยงระหว่าง “รัฐ” ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และ “ตลาดทุน” ในฐานะเวทีที่บริษัทมหาชนต้องรักษามาตรฐานความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ
.
ธนาคารกรุงไทย มีสถานะพิเศษเพราะรัฐถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งผ่านกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF)
.
ซึ่งนั่นหมายความว่า ผู้ถือครองรายนี้ไม่ใช่เอกชนทั่วไป หากแต่เป็น “รัฐในคราบบริษัทมหาชน” ที่ต้องเล่นอยู่บนสองกระดานในเวลาเดียวกัน
.
กระดานหนึ่งคือกฎหมาย
อีกกระดานหนึ่งคือความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นและตลาดการเงิน
.
การเข้าข่ายรัฐวิสาหกิจตามนิยามกฎหมายและอยู่ในกรอบความรับผิดชอบของหน่วยงานรัฐบางประการนี้หมายความว่า
.
ทุกการดำเนินการของธนาคารไม่เพียงต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 86 และ 87 เกี่ยวกับการถือครองของนิติบุคคล
.
แต่ยังต้องอยู่ภายใต้กรอบหลักธรรมาภิบาลของภาครัฐ และการกำกับตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 โดยเฉพาะมาตรา 89/7 และ 89/8 ที่บังคับให้กรรมการและผู้บริหารปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทและผู้ถือหุ้น
.
จากข้อเท็จจริง หากการถือครองเกิดจากการได้มาด้วยเหตุผลเช่น การบังคับคดีหรือการรับโอนทรัพย์จำนองที่ผิดนัด
.
กฎหมายกำหนดให้ถือครองได้เพียงชั่วคราวและต้องจำหน่ายออก เว้นแต่จะมีหนังสืออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
.
ซึ่งหากกรณีนี้ไม่ปรากฏหลักฐานอนุญาต ก็อาจก่อให้เกิดข้อพิพาทเรื่องสถานะสิทธิทันที
ผลกระทบเชิงกลยุทธ์ของกรณีนี้จึงไม่หยุดอยู่แค่ในห้องพิจารณาคดีที่ว่า “โฉนดนั้นจะถูกเพิกถอนหรือไม่”
.
แต่ต้องถามต่อว่า เมื่อรัฐในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ครอบครองเอง จะมีการจัดการอย่างไรให้สอดคล้องกับกฎหมาย และตอบคำถามเชิงความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างไร
.
เพราะในโลกของบริษัทมหาชน ทุกการกระทำที่กระทบสิทธิในทรัพย์สิน ไม่ได้สะเทือนแค่ในห้องประชุมกระทรวงการคลัง
.
แต่สะเทือนถึงราคาหุ้น ความเชื่อมั่น และเครดิตของรัฐในตลาดทุน
.
นอกจากนี้ยังขยายไปถึงภาพลักษณ์ของรัฐในฐานะ “เจ้าของ” และ “ผู้กำกับ” ระบบการเงิน
กรณีที่รัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นบริษัทมหาชนดำเนินการในลักษณะที่อาจขัดต่อกฎหมาย จะกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น นักลงทุนสถาบัน และคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ
.
โดยเฉพาะในตลาดทุนที่ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงเชิงกำกับ (regulatory risk) และความเสี่ยงด้านชื่อเสียง (reputational risk)
.
เมื่อเทียบกับมาตรฐานของ OECD ซึ่งกำหนดแนวปฏิบัติให้รัฐวิสาหกิจต้องดำเนินงานด้วยความโปร่งใส มีการแยกบทบาท “ผู้ถือหุ้น” ออกจาก “ผู้กำกับดูแล” อย่างชัดเจน และต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่สอดคล้องกับหลักการธรรมาภิบาลสากล
.
กรณีนี้อาจถูกมองว่าเป็นตัวอย่างของ “conflict of interest” ในเชิงโครงสร้าง รัฐในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้กำกับดูแลกลับมีบทบาทที่อาจซ้อนทับกันจนบั่นทอนความเชื่อมั่น
ประเทศไทยที่กำลังดำเนินการกำหนดรูปรอยประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐาน OECD และหลักการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (SOE Guidelines) จะตอบประชาคมโลกอย่างไรในประเด็นความน่าเชื่อถือ ต่อการจัดการกรณีธนาคารกรุงไทยในเขากระโดง
.
นี่คือ “บททดสอบ” ของประเทศไทยต่อสายตาสากล ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนต่างชาติหรือองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ ล้วนจับตาว่ารัฐบาลจะรักษาหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาลได้จริง หรือจะปล่อยให้การเมืองในประเทศเป็นตัวชี้ทิศ
.
ในเชิงกฎหมาย โครงสร้างการถือครองเช่นนี้ตั้งคำถามชัดเจนว่า รัฐจะใช้กลไกใดตรวจสอบตัวเองให้ปราศจากข้อครหาว่าเลือกปฏิบัติ
.
การบังคับใช้กฎหมายต้องตั้งอยู่บนหลักเดียวกันทั้งกับเอกชนและรัฐวิสาหกิจ
โดยเฉพาะในกรณีที่ข้อพิพาทมีความละเอียดอ่อนและเกี่ยวพันกับพื้นที่ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง
.
หากเพิกถอนสิทธิโดยไม่ยึดหลักพยานหลักฐานตามมาตรฐานของศาล อาจตีความได้ว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบเสียเอง
.
และหากมองในกรอบของยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค (Regional Development Strategy) และการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) การมีข้อพิพาทและปัญหากรรมสิทธิ์ในพื้นที่ซึ่งเกี่ยวพันกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น สนามกีฬา สนามแข่ง หรือศูนย์กลางการคมนาคม ย่อมกระทบต่อการดึงดูดการลงทุนโดยตรง (FDI) และความสามารถในการเจรจาระหว่างประเทศ
.
เพราะนักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญอย่างสูงกับ “ความมั่นคงของสิทธิในทรัพย์สิน” (security of property rights) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจ
.
ความท้าทายที่รัฐบาลต้องตอบไม่ใช่เพียงการหาทางออกทางกฎหมาย
.
แต่ต้องสร้างกลไกสื่อสารและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่โปร่งใส
.
เพื่อให้ทั้งตลาดทุนและสังคมมั่นใจว่าการจัดการกรณีเขากระโดง รวมถึงกรณีที่เกี่ยวพันกับธนาคารกรุงไทย จะไม่กลายเป็นตัวอย่างเชิงลบของการใช้ “อำนาจรัฐ” แบบย้อนศรต่อหลักนิติธรรมและมาตรฐานสากล
.
หากรัฐบาลล้มเหลวในจุดนี้ ผลกระทบจะไม่หยุดอยู่ที่แผ่นดิน 62 ไร่ 3 งาน แต่จะลุกลามไปถึงทุนทางสังคมและทุนทางเศรษฐกิจที่ต้องใช้เวลานับสิบปีกว่าจะกู้คืนได้
.
เพราะหากเดินเกมพลาด ไม่เพียงแต่เสี่ยงต่อการถูกวิจารณ์ในประเทศ
.
แต่ยังบั่นทอนเครดิตในตลาดการเงินโลก เพราะนักลงทุนจะตั้งคำถามทันทีว่า
.
หากรัฐไม่สามารถเคารพสิทธิในทรัพย์สินของบริษัทที่ตัวเองถือหุ้นได้
.
แล้วสิทธิของเอกชนรายอื่นจะปลอดภัยหรือไม่
.
สิ่งนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับการประเมินความเสี่ยงในระดับประเทศ (Country Risk) และความสามารถในการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งไม่ใช่เพียงตัวเลขในรายงานเศรษฐกิจ
.
แต่คือพลังขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ GMS และแนวคิด Regional Development Strategy ที่เน้นเสถียรภาพและความโปร่งใสเป็นเงื่อนไขดึงดูดการลงทุน
.
ดังนั้น การบริหารกรณีนี้จึงไม่ควรหยุดอยู่แค่การถกเถียงในศาลหรือสภา
.
แต่ต้องมองไปถึงการสร้าง “โมเดลข้อพิพาทที่โปร่งใส” ซึ่งสามารถนำไปเผยแพร่เป็นกรณีศึกษาต่อ OECD และใช้เป็นเครื่องมือฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศในตลาดทุนโลก
.
และเพราะนี่ไม่ใช่เพียงข้อพิพาทบนผืนดิน
.
แต่คือบทพิสูจน์ว่ารัฐบาลจะรักษาหลักนิติธรรมกับตัวเองได้หรือไม่
.
การแก้ปัญหาจึงต้องเดินคู่กันทั้งกฎหมาย การกำกับ และการสื่อสารอย่างมีกลยุทธ์
ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสิทธิอย่างโปร่งใสโดยกรมที่ดิน การตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางผลประโยชน์ การรายงานต่อผู้ถือหุ้นและตลาดหลักทรัพย์อย่างชัดเจน หรือการสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลเปิดเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อเท็จจริง
.
ทุกขั้นตอนเหล่านี้จะเป็นสัญญาณว่า ประเทศไทยเลือกที่จะยืนข้างหลักนิติธรรม ไม่ใช่ยืนบนความสะดวกของตนเอง
.
เพราะในท้ายที่สุด เรื่องนี้ไม่ได้เดิมพันแค่ที่ดิน 62 ไร่ของธนาคารกรุงไทยในเขากระโดง
แต่เดิมพันที่คำตอบว่า “เรายังสามารถเชื่อมั่นในกฎหมายเดียวกันได้หรือไม่”
.
ไม่ว่าผู้ถือครองจะเป็นประชาชนธรรมดา หรือรัฐเองในคราบบริษัทมหาชน.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

รัฐบาล รายงานชายแดนไทย – กัมพูชา สงบ!

18 นาทีที่แล้ว

อยากกลับไปกอด! มทภ.2 ขอบคุณ ‘คุณแม่’ อนุญาตให้ ลูกชาย มาทำหน้าที่เพื่อแผ่นดิน ไม่ต้องห่วงผม

28 นาทีที่แล้ว

ด่วน! ทหารพรานเหยียบกับระเบิดใกล้ปราสาทตาเมือนธม บาดเจ็บสูญเสียขา 1 นาย

36 นาทีที่แล้ว

‘สรวงศ์’ ปัดข่าวนายกฯ จ่อลาออก หลังงบฯผ่านสภาฯ

39 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

รมว.พาณิชย์ เล็งคุยทูต สปป.ลาว เดินหน้าแผนฟื้นการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา

สยามนิวส์

‘อุ๊’ เผย ‘ลุงป้อม’ บอกการแก้ปัญหาชายแดนไทย-เขมร ต้องเลิกMOU 43,44 สร้างกำแพงตลอดแนว

ไทยโพสต์

กองทัพรายงานด่วน! เปิดชื่อทหารยศ ส.อ. หลังเหยียบกับระเบิด สาหัสขาขาด ขอให้ปลอดภัย

สยามนิวส์

ทหารพรานเหยียบกับระเบิดขาขาด 1 นาย ลาดตระเวนปราสาทตาเมือนธม

Thai PBS

รัฐบาล รายงานชายแดนไทย – กัมพูชา สงบ!

ไทยโพสต์

พล.อ.ณัฐพล โต้ข่าวบิดเบือนปมแถลงชายแดน ยันปกป้องอธิปไตยไทย

Thai PBS

ข่าวและบทความยอดนิยม