ย้อนรอยความสำเร็จ Super Junior จากโปรเจกต์ทดลอง สู่ผู้จุดกระแส K-Pop Wave ด้วยเพลง ‘Sorry, Sorry’ ก้าวข้ามอาถรรพ์ 7 ปี สู่ตำนาน 2 ทศวรรษ
ในวงการ K-Pop สัญญา 7 ปีมักถูกมองว่าเป็นเหมือนเส้นชัยที่หลายวงเดินทางไปไม่ถึง แต่สำหรับ Super Junior บอยแบนด์จากค่าย SM Entertainment ที่เดบิวต์ในปี 2005 วงดนตรีกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่จะก้าวข้าม ‘อาถรรพ์ 7 ปี’ มาได้เท่านั้น แต่ยังคงยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งมาตลอด 2 ทศวรรษ สร้างมาตรฐานใหม่ๆ และกลายเป็น ‘ต้นแบบ’ ของความสำเร็จในวงการเพลงเกาหลี
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี Super Junior ได้ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 12 ที่มีชื่อว่า Super Junior 25 ออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนจะเปิดฉากคอนเสิร์ตซีรีส์ระดับตำนานอย่าง SUPER SHOW ครั้งที่ 10 ซึ่งเริ่มต้นที่กรุงโซลและจะเดินทางไปแสดงในอีก 16 เมืองทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2026
โดย SUPER SHOW ถือเป็นซีรีส์คอนเสิร์ตของศิลปิน K-Pop ที่จัดแสดงต่อเนื่องยาวนานที่สุด และมีผู้เข้าชมรวมแล้วมากกว่า 2 ล้านคน นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2008
จุดเริ่มต้นของ Super Junior ย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 ซึ่งถือเป็นการทดลองครั้งสำคัญของ อีซูมาน ผู้ก่อตั้งค่าย SM Entertainment ในตอนแรกวงได้เดบิวต์ภายใต้ชื่อ Super Junior05 ด้วยสมาชิก 12 คน และมีแนวคิดเป็นวงโปรเจกต์ที่จะมีการสับเปลี่ยนสมาชิกเข้าออก แต่แนวคิดดังกล่าวก็ได้เปลี่ยนไปในปี 2006 เมื่อ คยูฮยอน (Kyuhyun) เข้ามาเป็นสมาชิกคนที่ 13 และทำให้วงกลายเป็นกลุ่มศิลปินถาวร
เพลง Sorry, Sorry ในปี 2009 เป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของ Super Junior ด้วยจังหวะที่ติดหู เนื้อเพลงที่ร้องตามง่าย และท่าเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ เพลงนี้ไม่เพียงโด่งดังไปทั่วโลก แต่ยังกลายเป็นหนึ่งในเพลงแรกๆ ที่จุดประกายให้กระแส K-Pop Wave ลุกลามไปทั่วเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ พร้อมสร้างปรากฏการณ์คัฟเวอร์แดนซ์อย่างแพร่หลาย
Super Junior ได้ขยายการเข้าถึงผู้ชมไปยังพื้นที่ใหม่นอกเหนือจากฐานแฟนคลับดั้งเดิมของ K-Pop อย่างญี่ปุ่น จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปสู่ยุโรปและละตินอเมริกา โดยได้สร้างสถิติใหม่หลายอย่างให้กับวงการ K-Pop ได้แก่ การจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในฝรั่งเศส ครั้งแรกในซาอุดีอาระเบีย และการจัดทัวร์คอนเสิร์ตในละตินอเมริกาที่ใหญ่ที่สุดโดยกลุ่มศิลปินเกาหลีในช่วงต้นทศวรรษ 2010
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายส่วนตัวของสมาชิก, ข่าวฉาว หรือแม้กระทั่งข้อพิพาททางกฎหมายกับต้นสังกัด แต่ Super Junior ก็ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีเพลงฮิตออกมาอย่างสม่ำเสมอ เช่น Mr. Simple (2011), Sexy, Free & Single (2012), Devil (2015) และ Black Suit (2017) ซึ่งล้วนตอกย้ำซาวด์ดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ของวง
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Super Junior สามารถยืนหยัดอยู่ได้ยาวนานคือ ‘กลยุทธ์’ การบริหารจัดการวงในรูปแบบยูนิตย่อย (Subunit) ซึ่งถือเป็นผู้ริเริ่มโมเดลนี้เป็นวงแรกๆ ในช่วงเวลาที่สมาชิกบางคนต้องเข้ากรมรับใช้ชาติหรือมีตารางงานเดี่ยว วงก็จะมียูนิตย่อยอย่าง Super Junior-K.R.Y., Super Junior-T หรือ Super Junior-D&E ออกมาทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง
โมเดลยูนิตย่อยนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ชื่อของ Super Junior ยังคงอยู่ในกระแสเสมอ แต่ยังกลายเป็นพิมพ์เขียวที่ค่าย SM Entertainment นำไปปรับใช้กับวงรุ่นน้องอย่าง EXO และ NCT
นอกเหนือจากผลงานเพลง สมาชิกแต่ละคนยังประสบความสำเร็จในเส้นทางของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นงานแสดง, ละครเวที หรืองานพิธีกร ซึ่งช่วยขยายฐานแฟนคลับและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ Super Junior ไปในตัว และที่ขาดไม่ได้คือพลังสนับสนุนจากกลุ่มแฟนคลับที่รู้จักกันในชื่อ เอลฟ์ (ELF) ซึ่งเติบโตและร่วมทุกข์ร่วมสุขกับวงมาตลอด 2 ทศวรรษ จนกลายเป็น ‘ตำนาน’ ที่ยังมีลมหายใจ
ในคอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปีล่าสุดที่กรุงโซล สมาชิกวงได้กล่าวขอบคุณแฟนๆ อย่างซาบซึ้งว่า “เพราะความรักของคุณ พวกเราถึงมีอยู่ ขอบคุณที่มารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลอง, ที่หัวเราะและร้องไห้ไปกับพวกเรา และจดจำการเดินทางร่วมกันมาตลอด 20 ปี พวกเราเคยฝันว่าจะได้จัด ‘SUPER SHOW 11’ และตอนนี้ความฝันนั้นก็ดูเหมือนจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว” ซึ่งเป็นคำยืนยันว่าการ ‘เดินทาง’ ของ Super Junior ยังคงดำเนินต่อไป
ภาพ:Mauricio Santana / Getty Images
อ้างอิง: