3 แนวทาง ศาล รธน.ชี้ชะตานายกฯ ปมคลิปเสียงฮุนเซน กำหนดทิศตลาดหุ้นไทย
หลังจากเมื่อวันที่ 21 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 2 ปาก คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาธิการ สมช.) กรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
โดยในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.2568) ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัย เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า วันที่ 29 ส.ค.นี้ เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯ ซึ่งอาจกำหนดทิศทางตลาดใน 3 กรณีหลัก
1.หากศาลตัดสิน “พ้นจากตำแหน่ง” หรือหากนายกฯ ลาออกก่อน อาจกดดัน SET ลงแรงช่วงสั้น จากความกังวลสุญญากาศทางการเมือง และต้องติดตามการเสนอชื่อนายกฯ คนใหม่ หรือการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล
2.หากศาลตัดสินว่า “ไม่มีความผิด” ตลาดมีโอกาสฟื้นช่วงสั้น จากแรงซื้อคลายกังวลต่อเสถียรภาพการเมือง แต่ Upside ยังจำกัด เพราะยังมีคดีอื่นที่รอพิจารณา
3.หาก “ยุบสภา” อาจเป็นผลบวกต่อตลาด เพราะทำให้การเมืองชัดเจนขึ้น
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า วันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.2568) ติดตามศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา-ปรึกษาหารือ-และลงมติกรณีคดีคลิปเสียงของคุณแพทองธาร ชินวัตร มีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งแยกเป็น 2 ทางเลือกทางการเมืองหลักจากนี้
1.หากศาลชี้ว่า “ผิด”
- อาจมีผลให้คุณแพทองธาร สิ้นสภาพความเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ม.170
- เปิดช่องให้เกิดการเลือกนายกฯ คนใหม่ในสภา
- พรรคเพื่อไทยอาจยังคงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากเสียงยังมั่นคง แต่จะเกิด “สุญญากาศทางการเมือง” ชั่วคราว
2.หากศาลชี้ว่า “ไม่ผิด”
- คุณแพทองธารยังดำรงตำแหน่งต่อ และเพิ่มความชอบธรรมทางการเมือง
- ฝ่ายตรงข้ามอาจลดการโจมตี แต่ก็ยังคงมีแรงกดดันเรื่องความโปร่งใส