หาก ‘อิ๊งค์’ รอด ประเทศจะไม่รอด! ‘สมชาย’ ไม่เชื่อข่าวลือมติ 5 ต่อ 4 เหตุพฤติการณ์ผิดหนักกว่า 3 อดีตนายกฯ
อดีตสว.สมชาย ชี้หากศุกร์นี้ อิงค์ รอด แต่ประเทศจะไม่รอด ไม่เชื่อข่าวลือมติ 5 ต่อ 4 เพราะพฤติการณ์ความผิดหนักกว่า ‘สมัคร-ยิ่งลักษณ์-เศรษฐา’ รวมกัน
24 ส.ค.2568-นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(อดีตสว.) ซึ่งเข้าร่วมฟังการไต่สวนคำร้องคดีถอดถอน แพทองธาร ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีการนัดประชุมตุลาการศาลรธน.ในวันที่ 29 ส.ค.ในคำร้องคดีถอดถอนนส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กล่างถึงกระแสข่าวมติตุลาการศาลรธน.ที่จะออกมา เช่น 5 ต่อ 4 หรือ 7 ต่อ 2 ว่า ก็เห็นมีตั้งแต่ 9-0, 7-2 และ 5-4 ตนยังอยู่ฝั่งว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ผ่าน แต่ตอนนี้มีการปล่อยข่าวลือเรื่องมติ 5-4 โดยอิงจากก่อนหน้านี้ (ศาลรธน. ให้นายกฯขยายเวลาในการยื่นเอกสารคำชี้แจงแต่ให้ไม่ครบตามที่ร้องขอมา 15 วัน โดยเสียงข้างน้อย 4 เสียงไม่ให้ขยายเวลา) ที่ผมยังไม่เชื่อในข่าวลือมตินี้ แต่บังเอิญมันไปใกล้เคียงกับมติ 5-4 ในคดีเศรษฐา ทวีสินที่ผมไปยื่นต่อศาลรธน. แต่เศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกฯ แต่คราวนี้ไปลือกันอีกแต่กลับข้าง(นายกฯไม่หลุดจากตำแหน่ง)ซึ่งผมไม่เชื่อ เพราะความผิดของนายกฯแพทองธารหนักกว่าของนายเศรษฐา
นายสมชาย กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีส่วนร่วมคดีอดีตนายกฯที่ศาลรธน.หลายคดี เช่น การร้องศาลรธน.คดีสมัคร สุนทรเวช คดีชิมไปบ่นไปและถือหุ้นสื่อ ในการร่วมลงชื่อและร่วมทำสำนวนบ้างเล็กน้อย และคดียิ่งลักษณ์ ชินวัตร คดีการย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีจากเลขาธิการสมช.เพื่อเอื้อประโยชน์เครือญาติ และคดีเศรษฐา กรณีการตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี
“ทั้งสามคดีข้างต้นรวมกันแล้วความผิดยังไม่เท่าคดีแพทองธาร เพราะคดีของเขาเป็นเรื่องความมั่นคงเนื้อหาในคลิป 17 นาทีเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่ฮุน เซนพูดฝ่ายเดียวให้ไทยถอนทหาร ให้เปิดด่าน ทั้งที่เพิ่งปิดด่าน มีมติสมช. 6 มิ.ย. ผู้นำเหล่าทัพปิดด่านวันที่ 7 มิ.ย.แล้ววันที่ 15 มิ.ย. ยังไม่มีการตัดไฟตัดอินเตอร์เน็ตเลยแต่จะรีบเปิดด่านแล้ว แล้วมีการประชุมวันที่ 16 มิ.ย.มีการตั้งศบ.ทก.ขึ้นมา มันเลยทำให้ความหนักแน่นในการกดดันกัมพูชาตามที่ผบ.เหล่าทัพเสนออ่อนยวบลง”
เมื่อถามว่า หากนายกฯแพทองธาร ไม่รอด โดนเรื่องไม่ซื่อสัตย์สุจริต ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ความผิดอยู่ตรงไหน นายสมชายกล่าวว่า ต้องกลับไปดูว่า การไม่ซื่อสัตย์สุจริต กับการประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงคือ ประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง ตั้งแต่เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งนำความลับทางราชการ ไปบอกฮุน เซน ที่ไม่ใช่นายกฯกัมพูชา เป็นอดีตนายกฯ หากเจรจากับฮุน มาเนต แบบนี้หรือเจรจาสองฝ่าย ก็อีกเรื่องหนึ่ง และยังเจรจากับเคลียง ฮวดที่โรงแรม ความลับราชการก็รั่วไหลไปเยอะ และเสียอธิปไตยก็เห็นแล้ว มีการยิงจรวดใส่ประเทศไทยจนเกิดการสู้รบ ทำให้เสียอธิปไตยปราสาทตาควายบางส่วนไป
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากแพทองธาร ใช้ความเป็นนายกฯ ผมไม่อยากใช้คำว่าเอื้อประโยชน์กับฝ่ายตรงข้าม เพราะไปดูความสัมพันธ์ของสองตระกูล มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กันมา 20-30 ปี ส่วนที่ก่อนหน้านี้ ที่แนะนำให้นายกฯลาออกก่อนวันที่ 29 ส.ค. เพราะไหนๆ ก็ขาดคุณสมบัติหลายเรื่อง เช่นขาดประสบการณ์ เพราะหากฟังจากคลิปเสียง แพทองธารก็เหมือนกับลูกแกละ ที่ไปเจอจิ้งจอกเฒ่าอย่างฮุน เซน แต่แพทองธาร ไม่เคยเล่นการเมือง ไม่เคยทำงานราชการ อยู่ๆ พรวดมาเป็นนายกฯเลย เจอแบบนี้ ไปต่อไม่ได้ เมื่อไปไม่ได้แล้วยังทำผิดพลาด จากคลิปเสียงฮุน เซน
ถามว่า หากว่านายกฯแพทองธารรอด แล้วบริหารประเทศต่อไป นายสมชาย ระบุว่า ประเทศไม่รอด อันนี้ไม่ได้พูดในฐานะที่ไปร่วมชุมนุมกับประชาชนอย่างเดียว(กลุ่มรวมพลังฯ) แต่ผมเห็นบรรยากาศแค่วันที่คลิปหลุด ขนาดผ่านไปสิบวันที่มีการนัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วันที่ 28 มิ.ย.คนมาร่วมชุมนุมเกือบแสน คลิปนี้ประชาชนได้ฟังกันหมดอยู่แล้ว ถามประชาชนก็ได้ว่าเขาเห็นอย่างไร ผมเชื่อว่าเหมือนกับผลโพลของนิด้าโพล ที่ออกมาที่พบว่า ความเชื่อมั่นประชาชนที่มีต่อรัฐบาลเหลือ4 เปอร์เซ็นต์ วันนี้อยู่ได้เพราะกองทัพในการปกป้องอธิปไตย แล้วจะตอบอย่างไร หากแพทองธารไม่ผิดแล้วไม่ออก
"scenario การเมืองที่อยากเห็นคือการเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ ซึ่งเราอยู่ในภาวะการศึก ตอนอังกฤษทำท่าจะแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง มีการเปลี่ยนตัวนายกฯโดยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร ทั้งส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล ที่มีการให้เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้แพทองธาร เป็นแค่ลูกแกะไปรบกับจิ้งจอกเฒ่า ฮุน เซน ทำไม่ได้ และได้กระทำความผิดจริยธรรมจากเรื่องคลิปชัดเจนมาก ในทางการเมืองต้องยอมรับผิดและน้อมรับลาออกจากตำแหน่ง หากนายกฯแพทองธาร ออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นใครก็ตาม ผมเชื่อว่า สถานการณ์การสู้รบชายแดนจะพลิก จะดีขึ้น”