มหาหมี ชี้วัดพระบาทน้ำพุต้องเอาผิด หมอบี เท่านั้น

จากกรณีคดีหมอบี กับเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ที่กำลังลุกลามไปจนถึงการตรวจสอบการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา

ล่าสุดวันนี้หลังจบรายการโหนกระแส มหาหมี ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธกองทัพธรรม เปิดเผยว่า การตั้งข้อสงสัยเรื่องเงินบริจาคของ วัดพระบาทน้ำพุ และการครอบครองที่ดินภายใต้ชื่อบุคคลอื่น ว่า เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่วัด มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกมาชี้แจง เพราะการใช้จ่ายเงินของวัด จะต้องใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของเงินบริจาค โดยเฉพาะการนำเงินไปซื้อที่ดิน ตามหลักจะต้องโอนเป็นที่วัด แต่ก็มีหลายกรณีที่โอนเป็นชื่อบุคคลอื่นก่อน เช่น วัดยังตั้งไม่เสร็จ แต่มีที่ดินที่ชาวบ้านถวายมา ถ้าวันใดที่วัดได้รับการตั้งจากมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประกาศในราชกิจจาณุเบกษาแล้ว กฎกระทรวงระบุว่าจะต้องโอนที่ดินดังกล่าวเป็นของวัดภายใน 30 วัน

แต่วัดพระบาทน้ำพุ มีวัดอยู่แล้ว จะอ้างว่ายังไม่มีมูลนิธิ ก็สามารถอ้างได้ แต่ภายหลังที่จัดตั้งมูลนิธิแล้ว ก็จะต้องโอนเป็นของมูลนิธิ แต่หลังจัดตั้งมูลนิธิแล้วก็ยังไม่มีการโอน ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากปัจจัยเรื่องที่มูลนิธิจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินอย่างน้อย 7% ซึ่งน่าจะหลายสิบล้านบาท แต่การใส่ชื่อบุคคลอื่นก็มีข้อกล่าวหา 2 อย่าง คือ มีความพยายามใช้เงินบริจาคไปซื้อที่ดิน แล้วเป็นประโยชน์กับบุคคลภายนอก อาจถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์ของวัดได้ และ 2.การใส่ชื่อบุคคลอื่นทำให้วัดเสียหาย เจ้าอาวาสหรือบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง ก็จะเข้าข่ายเป็นตัวการร่วมในการยักยอก หรือเบียดบังทรัพย์ด้วย

อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่โอนเป็นชื่อวัดตั้งแต่แรก ก็เป็นการหลีกเลี่ยงประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 84 ที่ระบุไว้ว่าการได้มาที่ดินของอารามหลวง ไม่ว่าจะวัดพุทธ วัดคริสต์ หรือวัดอิสลาม จะต้องไม่เกิน 50 ไร่ ถ้าหากเกินจะต้องทำเรื่องขออนุญาตไปยังรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เว้นแต่จะได้มาก่อนปี 2497 สามารถถือครองได้โดยไม่มีกำหนดจำนวนไร่ อีกทั้งที่ดินที่ซื้อมา ไม่ว่าจะโอนไปกี่ทอดก็แล้วแต่ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นเงินของวัด ถือว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ สามารถเพิกถอนได้ทั้งหมด

ส่วนประเด็นการใช้เงิน โดยเจ้าอาวาส มอบหมายให้บุคคลภายนอกรับบริจาคแทน ก็เป็นประเด็นข้อกฎหมายเช่นเดียวกัน เนื่องจากการมอบอำนาจของเจ้าของวัด ในฐานะเป็นผู้แทนนิติบุคคล จะมี 2 ลักษณะ คือ 1.มอบโดยชัดแจ้ง เช่น มอบหมายให้ไวยาวัจกร และต้องทำตามวัตถุประสงค์ แบบที่ 2 คือมอบโดยปริยาย เป็นการมอบบุคคลภายนอก เช่น กรณี หมอบี เป็นการมอบเฉพาะเรื่อง แต่ไม่ว่าจะกรณีใดก็จะต้องมีลายลักษณ์อักษร ถ้าหาก หมอบี อ้างว่าได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาส ก็ต้องมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจน ถ้าไม่มี ถือว่าไม่มีอำนาจ และสำคัญที่สุดในการไปเรี่ยไรแทนวัด ถ้าเรี่ยไรแล้วไปใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ หรือไม่ได้เอาเข้าวัดจริง ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน

ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงเจตนาว่ามีเจตจำนงอย่างไรจึงทำเช่นนี้ โดยการชี้แจงจะต้องประกอบด้วยพยานหลักฐาน เพราะถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่ในข่ายที่จะถูกดำเนินคดี ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และอาจเข้าข่ายการเบียดบังทรัพย์ ไปจนถึงฉ้อโกงประชาชน ความผิดตามกฎหมายฟอกเงินจนถูกยึดทรัพย์ เพราะฉะนั้น หลวงพ่ออลงกต ต้องชี้แจง จะคุยกับ หมอบี อย่างเดียวไม่ได้ ต้องดำเนินคดีกับ หมอบี ด้วย เพราะวัดเสียหายแล้ว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายอู๋ อายุ 43 ปี อดีตคนเคยทำงานกับหมอบี ที่มีการโพสต์ 7 ปีที่รอคอย บอกว่า สาเหตุที่ตนเองโพสต์ไปแบบนั้น เพราะตอนที่เราทำงานอยู่ด้วยกัน ตนเชื่อโดยสนิทใจจริงๆ แต่ในปัจจุบันตนเองเชื่อแค่ 50/50 เท่านั้น เพราะหลังจากที่ตนเองได้ดูรายการดัง (โหนกระแส) ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตนเองก็รู้สึกว่าตนถูกหลอกเหมือนกันหรอ และตอนที่ตนเองลาออกมา ตนเองก็ถูกทำเหมือนเป็นคนไม่ดี เขาก็เลยไล่ตนเองออกจากทีม ทำได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้

นายปรัชญา เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นที่รู้จักกับหมอบีว่า ก่อนหน้านี้ตนเอง เคยไปออกบูธกับเพื่อนที่เป็นเซลล์โรงแรม โดยมักจะเดินทางไปยังที่ต่างๆเพื่อออกบูธและมีโอกาสเจอกับหมอบี ที่มาออกบูธเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ จนการออกบูธครั้งต่อไป เขาก็ได้มีการติดต่อมาเชิญให้ไปออกบูธร่วมกันเนื่องจากมีพื้นที่ ก่อนที่หมอบีจะมีการชักชวนให้ตนเองไปทำรายการสัปเหร่อเจอผี เมื่อช่วงปี60-61

ต้องยอมรับว่า ตอนที่ตนเองทำงานกับเขาตนเองเชื่อสนิทใจว่า เขาสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้จริงๆ รวมถึงตนเองได้มีโอกาสเดินทางติดตามไปฟังเขาเป็นวิทยากรในการพูดในงานต่างๆ เกี่ยวกับงานงานธรรมะ แต่พองานที่ตนเองทำเป็นงานเกี่ยวกับไลฟ์สดจึงมีการตั้งข้อสงสัยจากผู้ชมมากมาย อย่างเช่นในกรณีหมอบีจะให้ตนเองออกจากพื้นที่นั้นก่อนซึ่งก็มีการตั้งคำถามว่าระหว่างที่เค้าอยู่ในสถานที่นั้นเพียงคนเดียวมีการไปสืบหาข้อมูลหรือเปล่า แล้วพอทราบเรื่องราวถึงให้ตนเองเข้ามา จนเป็นเหตุให้ตนเองสงสัย

นายปรัชญา ยังบอกอีกว่า ระหว่างที่ตนเองทำงานกับหมอบีเมื่อปีดังกล่าวเขาไม่ได้ดูเป็นคนที่อยากได้หรืออยากมีเงินอะไรมากมาย รวมถึงเรื่องเรื่องผู้หญิงตนเองเชื่อว่าเค้าไม่ได้มี

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน