ทรัมป์สั่งย้ายคนไร้บ้านออกจากวอชิงตัน ดี.ซี.ทันที อ้างปราบอาชญากรรม
สั่งย้ายออกทันที ทวงคืนเมืองหลวงให้สหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า คนไร้บ้านต้องย้ายออกออกจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐฯ พร้อมให้คำมั่นว่าจะจัดการกับอาชญากรรมในเมืองนี้ โดยโพสต์ผ่านโซเขียลมีเดียระบุว่า “คนไร้บ้านต้องย้ายออกไปทันที เราจะให้ที่พักแก่คุณ แต่ไกลจากเมืองหลวง พวกอาชญากรไม่ต้องย้ายออกไป เราจะจับคุณเข้าคุกในที่ที่คุณควรอยู่”
นอกจากนี้ยังโพสต์ภาพเต็นท์คนไร้บ้านที่เรียงรายอยู่บนถนน พร้อมระบุข้อความว่า ต่อไปนี้จะไม่มีคนที่ใจดีอีกต่อไปแล้ว เราต้องการเมืองหลวงของเรากลับคืนมา ขอบคุณที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้!
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งที่ทำให้การจับกุมคนไร้บ้านเป็นเรื่องง่ายขึ้น และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาก็สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐบาลกลางเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับคนไร้บ้านบนท้องถนนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวกับสถานีวิทยุสาธารณะแห่งชาติว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางมากถึง 450 นายที่ถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในวันเสาร์ที่ผ่านมา (9 สิงหาคม 68)
นอกจากนี้ยังมีตำรวจสวนสาธารณะของสหรัฐฯ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด เอฟบีไอ และกรมการบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ ทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมระดับอาชญากรรม ซึ่งทรัมป์มองว่าขณะนี้อัตราการเกิดเหตุอาชญากรรมในเมืองหลวงเกินความควบคุมไปแล้ว
อดีตพนักงานวัย 19 ปีของ Department of Government Efficiency (Doge) ถูกทำร้ายร่างกายระหว่างเหตุการณ์ที่เชื่อว่าเป็นการพยายามจี้รถในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เหตุการณ์นี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้โพสต์ภาพเหยื่อที่บาดเจ็บลงบนโซเชียลมีเดียของเขา เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันถึงระดับอาชญากรรมที่ "ควบคุมไม่ได้"
เทศมนตรีค้าน อาชญากรรมต่ำสุดในรอบ 30 ปี
แม้ทรัมป์จะพยายามโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อว่ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กำลังกลายเป็นเมืองแห่งอาชญากรรมแต่นายกเทศมนตรีเมืองนี้ไม่เห็นด้วยกับทำเนียบขาว มูเรียล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีหญิงจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า เมืองหลวงของสหรัฐฯ ไม่ได้เผชิญกับอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามที่ทรัมป์กล่าวอ้าง
นายกเทศมนตรีคนดังกล่าวเปิดเผยว่า เป็นความจริงที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจในปี 2023 แต่นี่ไม่ใช่ปี 2023 แล้ว ทางเทศมนตรีใช้เวลาตลอดสองปีที่ผ่านมาลดอาชญากรรมรุนแรงในเมืองนี้ และลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปี
เธอยังวิพากษ์วิจารณ์ สตีเฟน มิลเลอร์ รองหัวหน้าคณะทำงานของทำเนียบขาว ที่เรียกเมืองหลวงของสหรัฐฯ ว่า "รุนแรงกว่ากรุงแบกแดด" เพราะการเปรียบเทียบกับประเทศที่เสียหายจากสงครามใดๆ นั้นเป็นการพูดเกินจริงและเป็นเท็จ
ทั้งนี้ อัตราการฆาตกรรมในวอชิงตัน ดี.ซี. ยังคงค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรต่อหัว ซึ่งสูงกว่าเมืองอื่น ๆ ในสหรัฐฯ โดยปีนี้ มีคดีฆาตกรรมบันทึกไว้ทั้งหมด 98 คดี ซึ่งอัตราการเกิดคดีฆาตกรรมยังสูงขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ข้อมูลของรัฐบาลกลางจากเดือนมกราคมปีนี้ ชี้ให้เห็นว่าเมื่อปีที่แล้ว วอชิงตัน ดี.ซี. มีสถิติอาชญากรรมรุนแรงโดยรวมต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี แม้จะรวมคดีการขโมยรถ การทำร้ายร่างกาย และการปล้น ด้วยก็ตาม
ทรัมป์ไม่ยอม จะดึงดันจัดการเมือง
แม้มูเรียล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีจะคัดค้านการแก้กฎหมายของทรัมป์และการเข้ามาแทรกแซงการจัดการเมืองท้องถิ่น โดยอ้างว่ารัฐบาลกลางไม่มีอำนาจเข้ามาขับไล่คนไร้บ้านในเมืองแห่งนี้ แต่ทรัมป์ยืนยันว่า กฎหมายได้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการบริหารประเทศ
ทรัมป์กล่าวว่าจะมีงานแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเพื่อสรุปแผนการของพวกเขาที่จะหยุดอาชญากรรมรุนแรงในเมืองหลวงของสหรัฐฯ โดยอ้างว่าจะเป็นการยุติ "อาชญากรรม การฆาตกรรม และความตาย" ในเมืองนี้ รวมถึง "การปรับปรุงกายภาพ" ของเมืองด้วย
ทรัมป์ยังบรรยายถึงบาวเซอร์ว่าเป็น "คนดีที่พยายามแล้ว" โดยเสริมว่าแม้เธอจะพยายาม แต่อาชญากรรมยังคงแย่ลง และเมืองก็สกปรกและไม่น่าสนใจมากขึ้น
ด้าน Community Partnership ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อลดปัญหาคนไร้บ้านในวอชิงตัน ดี.ซี. บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เมืองที่มีประชากร 700,000 คนนี้มีคนไร้บ้านประมาณ 3,782 คน ส่วนใหญ่พักอาศัยในที่พักอาศัยของรัฐบาลหรือศูนย์พักพิงฉุกเฉิน แต่ประมาณ 800 คนถูกบันทึกไว้ว่าอาศัยอยู่ตามท้องถนน