ไทยเดินหน้า’โลว์คาร์บอนอีเวนต์’ ประกาศเป็นผู้นำภูมิภาค ใช้’ซีเกมส์-อช.พาราฯ’ต้นแบบกีฬาไร้มลพิษ
กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กกท. ผนึก ภาครัฐและเอกชน เดินหน้า Low Carbon Event (โลว์ คาร์บอน อีเวนต์)ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 กำหนดมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลาสติก การคัดแยกขยะ การรีไซเคิล การขนส่ง รวมไปถึงการบริหารจัดการอื่นๆ เพื่อสร้าง “กรีนซีเกมส์” ให้เป็นต้นแบบความยั่งยืนของการจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติและซีเกมส์ครั้งต่อๆไป นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานงานแถลง ข่าว Low Carbon Event (โลว์ คาร์บอน อีเวนท์) สำหรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 2025 ละกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี 2026 ที่ห้องประชุม ชั้น 1 ศูนย์ประสานการแข่งขันกีฬาซีเกมส์และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ กกท. เมื่อ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกกท. เข้าร่วม ภายในงานยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารภาครัฐและเอกชน ที่เป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันเข้าร่วม ประกอบด้วย ดร. ปราโมช รังสรรค์วิจิตร คณบดีวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ดร. ก้องเกียรติ สุริเย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีน สแตนดาร์ด จำกัด, ณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และ วิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิ หนึ่งน้ำใจ One Love Foundation นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 เรายึดนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกีฬาให้มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “กรีนซีเกมส์” และ “ซัส เตนเนเบิล พาราลิมปิก” “ทั้ง 2 มหกรรมกีฬาดังกล่าว ก็จะเป็นครั้งแรกในอาเซียนด้วยที่แสดงเจตนาชัดเจนในลดผลกระทบของสิ่งแวดล้อมในการจัดการแข่งขันกีฬา ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนความสำคัญในของการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่จะยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาที่เป็นระดับมาตรฐานสากลควบคู่ไปกับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา เพื่อเตรียมความพร้อม และจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ และช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย สร้างความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เผยว่า โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เป็น “กรีนซีเกมส์” อย่างแท้จริง โดยคำนึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงในด้านภูมิอากาศ ซึ่งสาเหตุหลักๆก็มาจากการปล่อยก๊าสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศของโลก “ตามนโยบายของท่าน สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ก็มุ่งหวังให้ซีเกมส์ครั้งนี้เป็นกรีนซีเกมส์ และเป็นตัวอย่างในการจัดการแข่งขันกีฬาต่อไปในอนาคตทั้งในประเทศไทยและนานาชาติ ซึ่งโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส ก็ได้เน้นในเรื่องการสร้างความยั่งยืน ดังนั้นสำหรับประเทศไทยก็จะขอนำโมเดลที่ดีในส่วนนี้มาเป็นตัวโจทย์ในการผลักดันให้การแข่งขันครั้งนี้มีระบบการขนส่งที่ยั่งยืน มีการใช้วัสุดรีไซเคิล มีการลดขยะ และทุกๆกิจกรรมก็จะต้องคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็เป็นแนวโน้มที่วงการกีฬาโลกให้ความสำคัญ” สำหรับโลว์ คาร์บอน อีเวนต์ นั้น กกท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลัง เตรียมหลายแนวทางในการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายนี้ เพื่อนำไปสู่การแข่งขันกีฬาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อโลก อาทิ การสนับสนุนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน ทั้งนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และประชาชนลดใช้พลาสติก, รวมถึงร่วมกันคัดแยกขยะ และสามารถเดินทางโดยระบบขนสาธารณะ หรือส่งของฝ่ายจัดการแข่งขัน เพื่อลดการใช้พลังงาน รวมไปถึงการจัดการบริหารของฝ่ายจัด อาทิ การให้นักกีฬาจะพักอยู่กับโรงแรมที่พักที่อยู่ใกล้สนามแข่งขัน ตลอดจนพิธีเปิด พิธีปิดการแข่งขัน รวมไปถึงด้านเทคนิค อย่างเช่น ลูกที่เสียจากแข่งขันแบดมินตัน ก็จะการวางแผนบริหารจัดการลูกที่เสียแล้วไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป