โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘สหัสวัต’ ฝาก 5 ข้อการบ้าน ‘รมว.แรงงาน’คนใหม่

เดลินิวส์

อัพเดต 30 มิถุนายน 2568 เวลา 22.02 น. • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
‘สหัสวัต’ฝาก 5 ข้อการบ้าน รมว.แรงงานคนใหม่ ทำงานเชิงรุก-แก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติ เร่งปฏิรูปโครงสร้าง ‘ประกันสังคม’ทั้งระบบ

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงข้อเสนอต่อ รมว.แรงงาน คนใหม่ ว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เรากำลังจะได้ ครม. ชุดใหม่ ซึ่งรวมถึง รมว.แรงงานคนใหม่ด้วย ไม่ว่าใครก็ตามที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนี้ ผมอยากให้ตระหนักว่ากระทรวงแรงงาน ไม่ใช่กระทรวงเกรด B เกรด C แบบที่ใครๆ คิด แต่เป็นกระทรวงที่มีความสำคัญทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนที่เป็นคนทำงาน นั่นหมายความว่ากระทรวงนี้มีหน้าที่ดูแลคนมากกว่า 20 ล้านคน เป็นกระทรวงที่หากบริหารได้ดีจะสร้างประโยชน์ให้กับคนจำนวนมาก และจะเป็นหนึ่งในกระทรวงที่จะพลิกฟื้นคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจไทยได้เลย

นายสหัสวัต ระบุต่อว่า ด้วยเหตุนี้ผมจึงมีข้อเสนอต่อ รมว.แรงงานคนใหม่ เป็นรายหน่วยงาน ดังนี้ 1. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน : ปรับการทำงานจากเชิงรับสู่เชิงรุก เนื่องจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีการผลิต อุตสาหกรรมเก่าที่เป็นอุตสาหกรรมหลักที่รองรับแรงงานไทยกำลังประสบปัญหาการย้ายฐานการผลิต และเปลี่ยนไปสู่เทคโนโลยีอื่น เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สันดาป ที่กำลังเปลี่ยนไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ในอนาคตมีความเสี่ยงที่จะถูกเลิกจ้างมากขึ้น รัฐมนตรีคนใหม่ต้องเตรียมรับมือเรื่องนี้ รวมไปถึงการละเมิดสิทธิแรงงานที่มากขึ้น จากความพยายามในการลดต้นทุนของนายทุน ที่พยายามหาช่องว่างมาละเมิดสิทธิลูกจ้างมากขึ้น

นายสหัสวัต ระบุต่อไปว่า สิ่งที่รัฐมนตรีควรทำ คือการเปลี่ยนให้กรมฯ จากที่ทำงานเชิงรับ รอคนมาร้องเรียน ให้เป็นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น จัดให้มีการตรวจแรงงานเชิงรุกเพิ่ม รวมถึงการสนับสนุนการรวมกลุ่มต่อรอง การจัดตั้งสหภาพแรงงาน เพื่อให้แรงงานมีอำนาจในการต่อรองสิทธิและสวัสดิการเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาภาระงานของทางกรมฯ และให้แรงงานมีส่วนร่วมมากขึ้น รวมถึงเข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน, พ.ร.บ.ความปลอดภัย รวมถึงการปรับปรุงให้กฎหมายเหล่านี้ทันสมัยด้วย

2. กรมการจัดหางาน แก้ปมการขึ้นทะเบียนแรงงานขาเข้า ขยายตลาดและคุ้มครองแรงงานขาออก ปัจจุบันระบบการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติโดยเฉพาะแรงงานเมียนมา มีปัญหาเนื่องจากการพึ่งพารัฐบาลประเทศต้นทางมากเกินไป ทำให้กระบวนการจำนวนมากสะดุด และจะส่งผลให้มีแรงงานผิกกฎหมายมากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถต่ออายุแรงงาน MOU ได้ตามกรอบเวลา ปัญหาที่สำคัญเช่น การอนุมัติ Namelist ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ส่งผลกระทบกับทั้งแรงงานและนายจ้างโดยตรง รัฐมนตรีควรผลักดันแนวทางที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลเมียนมามากเกินไป โดยใช้กลไกขึ้นทะเบียนฝ่ายเดียวที่เคยเสนอไว้แล้ว และรัฐมนตรีคนก่อนหน้านี้ได้เตรียมตัวที่จะผลักดันและอยู่ระหว่างรอ ครม.อนุมัติ ให้เดินหน้าต่อทันที เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงแรงงานอย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ

นายสหัสวัต ระบุต่อไปว่า ในขณะเดียวกัน ปัญหาแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศต้องถูกจัดการใหม่ทั้งระบบ ไม่ใช่เพียงนับจำนวนผู้เดินทาง แต่ต้องตรวจสอบคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย และสิทธิตามสัญญาแรงงาน โดยเฉพาะในประเทศที่ไม่มีการรับประกันความปลอดภัย เช่น อิสราเอล ที่ควรหยุดส่งแรงงานไทยไปทำงานทันที พร้อมทั้งเร่งปราบปรามบริษัทจัดหางานเถื่อนที่ฉวยโอกาสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลอกลวงแรงงานไทยไปเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ และเร่งเจรจาเปิดตลาดแรงงานใหม่ๆ โดยระบบ G2G เพื่อให้มีมาตรฐานในการทำงานและตัดช่องว่างการฉวยโอกาสของบริษัทจัดหางานเถื่อน

3. กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน: ต้องมี “Master Plan” พัฒนาทั้งวัยทำงาน และ วัยเรียน จากความท้าทายทั้งทางเทคโนโลยี และทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องมีแผนแม่บท หรือ Master Plan ในการพัฒนาฝีมือแรงงานอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่ฝึกอาชีพโดยไม่มีทิศทาง แรงงานต้องถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มตามทักษะ อายุ และประสบการณ์ แล้ววิเคราะห์ว่าแต่ละกลุ่มสามารถต่อยอดได้อย่างไรในภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการจ้างงาน และ ต้องเปิดทางเลือกพร้อมกับให้ข้อมูลแก่แรงงานอย่างครบถ้วนว่า แรงงานจะฝึกฝีมือไปในแนวทางใด จึงจะเหมาะสม ไม่ใช่การบังคับตัดเสื้อโหลให้ทุกคนฝึกเหมือนกัน แบบเดียวกันแต่เพียงถ่ายเดียว

นายสหัสวัต ระบุต่ออีกว่า นอกจากการพัฒนาฝีมือให้กับวัยแรงงานแล้ว ในวัยเรียนนั้น ทางกรมฯ เองต้องมีแผนแม่บทที่บูรณาการร่วมกันกับกระทรวง อว. กระทรวงศึกษาธิการ และ ภาคเอกชน เพื่อเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นทางของระบบการศึกษาไปจนถึงตลาดแรงงาน พร้อมจัดตั้งฐานข้อมูลกลางเพื่อคาดการณ์ความต้องการทักษะในอนาคต และเปิดทางเลือกให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ตัดสินใจฝึกตามความสนใจ และใช้งานได้จริง

4. สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือ (สสปท.) : เพิ่มบทบาทเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืน สสปท. เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความปลอดภัยในสถานประกอบการต่างๆ ทั่วประเทศ แต่มีอุปสรรคในการทำงานอยู่มาก เช่น การขาดแคลนบุคคลากร และงบประมาณ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง และภาคธุรกิจอื่นๆ ที่ตรวจสอบยาก เช่น SMEs และแรงงานนอกระบบ

นายสหัสวัต ระบุต่อไปอีกว่า รัฐมนตรีควรเสนอการปรับโครงสร้างของ สสปท. โดยเร่งจัดสรรงบประมาณเพิ่ม สนับสนุนการสร้างเครือข่ายความปลอดภัยในระดับจังหวัด เสริมกำลังคนเฉพาะทาง และพัฒนาเครื่องมือสื่อสารที่เข้าใจง่ายสำหรับแรงงาน รวมถึงเปิดให้แรงงานมีส่วนร่วมออกแบบมาตรการความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ใช่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยแบบ Top down และจะสามารถสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในที่ทำงานอย่างยั่งยืนในสังคมไทยได้

5. สำนักงานประกันสังคม : ปฏิรูปโครงสร้าง ปฏิรูปแนวคิด สำนักงานประกันสังคม เป็นสำนักงานที่ผมน่าจะพูดถึงปัญหาบ่อยที่สุดสำนักงานหนึ่ง ข้อเสนอเดียวสำหรับการพัฒนาสำนักงานประกันสังคมสำหรับผมนั้น คือการปฏิรูปโครงสร้างสำนักงานทั้งระบบให้ยึดโยงกับนายจ้าง และผู้ประกันตนมากขึ้น และลดอำนาจของระบบราชการลง ให้กองทุนได้ตอบสนองเจ้าของเงินอย่างแท้จริง สำหรับเรื่องนี้ผมอยากจะเชิญชวนให้มาทำงานเรื่องนี้ร่วมกัน เพื่อพัฒนาระบบประกันสังคมของประเทศนี้ให้ดีขึ้น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

‘ไอซ์ ปรีชญา’สาดความแซ่บผ่านชุดว่ายน้ำ ซีทรูอวดหุ่นเบาๆ สวยสมดังฉายาเจ้าแม่Ai!

8 นาทีที่แล้ว

นัดซื้อคริปโตฯ กลายเป็นแผนปล้น คนร้ายฉกเงิน 3.4 ล้านหลบหนีลอยนวล

21 นาทีที่แล้ว

อดีตตำรวจทางหลวงดับสลดคารถ! เมียสุดช็อกตามหาทั้งคืนก่อนเจอเป็นศพ!

30 นาทีที่แล้ว

“บาจโจ” รับอยากลาโลกหลังพลาดจุดโทษลูกสำคัญสุดในชีวิต

32 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม