รวบสาวสองตั้งบริษัทจัดหางาน ลวงแรงงานไปแคนาดา ก่อนเชิดเงินหนี
รวบสาวสองตั้งบริษัทจัดหางาน ลวงแรงงานไปแคนาดา ก่อนเชิดเงินหนี ยังไม่หนำใจ ขู่เรียกเงินแลกคืนพาสปอร์ต
วันที่ 20 กรกฎาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานในต่างประเทศได้” โดยจับกุม บริเวณตลาดนัดในซอยจอมทอง 12 กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี เนื่องจากถูกบริษัทจัดหางานจำนวน 3 บริษัท หลอกให้โอนเงินเพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศแคนาดา สูญเงินคนละประมาณ 150,000 -200,000 บาท
จากการสอบถามผู้เสียหาย พบว่าได้เห็นโฆษณารับสมัครงานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ก่อนติดต่อผ่านแอปพลิเคชันไลน์กับตัวแทนของบริษัท ซึ่งอ้างว่ามีตำแหน่งงานในประเทศแคนาดา เช่น งานเกษตร เก็บผัก แพ็คผลไม้ โดยระบุสถานที่ปฏิบัติงานที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา
ผู้เสียหายบางรายได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่ทำการของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านในพื้นที่ ซอยรังสิต–นครนายก 63/1 พบว่า มีการจัดออฟฟิศให้มีลักษณะเสมือนบริษัทจริง มีโต๊ะทำงาน พนักงานประจำ และเอกสารแสดงการจดทะเบียนบริษัทครบถ้วน โดยบริษัทได้วางแผนขั้นตอนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินงวดแรก (ประมาณ 48,000 บาท) เพื่อจัดเตรียมเอกสาร ชีวมิติ (Biometric) การสแกนม่านตา และพิมพ์ลายนิ้วมือ ไปจนถึงการเก็บพาสปอร์ตเพื่อดำเนินการยื่นขอวีซ่า หลังจากผ่านขั้นตอนต่างๆ แล้วบริษัทได้แจ้งผู้เสียหายให้ชำระค่าตั๋วเครื่องบินและค่าดำเนินการเพิ่มเติม ประมาณ 85,000 – 98,000 บาท พร้อมแจ้งว่าหากไม่ชำระภายในเวลาที่กำหนด จะถูกยกเลิกวีซ่า ผู้เสียหายจึงยินยอมชำระเงินดังกล่าว เมื่อถึงกำหนดรับเอกสารและตั๋วโดยสาร บริษัทกลับปิดกิจการและไม่สามารถติดต่อได้อีก กลุ่มผู้เสียหายจึงรวมตัวกันเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี โดยมีจำนวนผู้เสียหายรวมประมาณ 250–300 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 40–50 ล้านบาท
จนกระทั่งต่อมา วันที่ 12 มีนาคม 2568 พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับ นายเอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นกรรมการของทั้ง 3 บริษัท ต่อมาในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2568 มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้รับการติดต่อจากบริษัทดังกล่าว ว่าหากต้องการหนังสือเดินทางคืน ต้องชำระเงินค่าไถ่หนังสือเดินทางอีกเล่มละ 5,000 บาท ผู้เสียหายจึงแจ้งไปยังตำรวจ
จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า หนังสือเดินทางดังกล่าวมีต้นทางการจัดส่งจากโรงแรมในพื้นที่รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงร่วมกันเข้าตรวจสอบ ผู้ต้องหาได้ 1 ราย พร้อมหนังสือเดินทางประเทศไทยจำนวน 241 เล่ม โดยเป็นของผู้เสียหายที่แจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้วที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ ให้การซักทอดว่ารู้จักกับนายเอ (นามสมมุติ) และแจ้งว่าปัจจุบันนาเอได้หลบหนีไปยังประเทศลาว แต่สุดท้ายก็สามารถตามจับกุมตัวนายเอได้ในที่สุด ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามข้อมูลจากกลุ่มผู้เสียหาย พบว่าในกลุ่มผู้เสียหายบางคน นำทรัพย์สินไปจำนองจำนำ เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าเดินทางไปทำงานต่างประเทศ แต่มาถูกหลอก ทำให้เกิดความเครียด จนฆ่าตัวตายไปแล้วจำนวน 2 ราย ซึ่งจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าตนถูกหลอกให้จดทะเบียนบริษัทฯเท่านั้น