เบื้องหลังเฟสใหม่ Marina Bay Sands ลงทุน 8 พันล้าน USD
เมื่อพูดถึงแลนด์มาร์กของประเทศสิงคโปร์ เชื่อว่าทุกคนจะนึกถึงภาพของอาคารโรงแรม Marina Bay Sands หรือ MBS ที่มี Sky Park รูปทรงเรือทอดตัวเหนืออาคารสูง 3 หลัง
กว่า 13 ปีผ่านไป อาคารแห่งนี้ไม่เพียงแต่กลายเป็นไอคอนระดับโลก แต่ยังกลายเป็น “ต้นแบบของเมืองแนวดิ่ง” ที่ผสานสถาปัตยกรรม การออกแบบเมือง และประสบการณ์ของมนุษย์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
“โมเช่ ซาฟดี” ผู้ออกแบบโครงการ Marina Bay Sands ตั้งแต่วันแรก ให้สัมภาษณ์ ณ สำนักงาน MBS ประเทศสิงคโปร์ ว่า ขณะนี้ MBS (กลุ่ม Las Vegas Sands) กำลังเดินหน้าขยายเฟสใหม่ ซึ่งถือเป็นการลงทุนใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษ มูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการเพิ่มอาคารโรงแรมแห่งใหม่ สนามอารีน่า และ Sky Park แนวใหม่อีกหนึ่งชุด
“แนวคิดของโครงการใหม่นี้สะท้อนทรรศนะทางสถาปัตยกรรมที่ลึกซึ้งถึงอนาคตของเมืองในยุคหลังโควิด และในบริบทของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังกลายเป็นเวทีของสถาปัตยกรรมโลก”
ไอคอนใหม่-ไม่แข่งของเดิม
โดยหนึ่งในความท้าทายหลักของโครงการใหม่นี้ คือการทำให้อาคารใหม่ “ยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง” โดยไม่ลดทอนคุณค่าของอาคารเดิม
“โมเช่” ให้ข้อมูลว่า ตอนที่เข้าพบหน่วยงานวางผังเมืองสิงคโปร์ (URA) พวกเขาชัดเจนว่า คุณต้องไม่ทำลายไอคอนที่เรามีอยู่แล้ว นั่นคือ Marina Bay Sands ดังนั้นความท้าทายคือ จะทำอย่างไรให้อาคารใหม่กลายเป็นไอคอนเช่นกัน แต่ไม่บดบังอาคารเก่า
การออกแบบช่วงแรกวางให้โรงแรมใหม่อยู่ใกล้กับอาคารเก่า แต่ได้กลับมาทบทวนอีกครั้งหลังทำงานไปกว่า 2 ปี และตัดสินใจย้ายตำแหน่ง โดยให้สนามอารีน่าอยู่ตรงกลาง และย้ายหอคอยโรงแรมไปด้านขวาสุดของพื้นที่ เปิดให้มีพื้นที่ว่างระหว่างสองอาคารหลัก และสร้างจังหวะให้เมืองสามารถหายใจได้
ยึดหลัก “บริบทนิยมก้าวหน้า”
พร้อมระบุด้วยว่า แรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตกลงมาจากฟ้า หรือมาจากภาพวาดศิลป์เหนือจริง แต่เกิดจากการแก้ปัญหาแบบเป็นขั้นเป็นตอนและบริบทของพื้นที่
“ตอนที่รู้ว่าต้องสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ ใกล้ทะเล เราจึงตัดสินใจแยกโรงแรมออกเป็น 3 อาคารย่อย เพื่อไม่ให้เกิดกำแพงตึกบดบังเส้นขอบฟ้าระหว่างเมืองกับทะเล”
ซึ่งแนวคิดนี้ยังสะท้อนถึงหลักการออกแบบที่เขายึดถือมาโดยตลอด คือ Progressive Contextualism หรือ บริบทนิยมก้าวหน้า ซึ่งการสร้างอาคารที่ไม่หลุดจากบริบทของพื้นที่ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเปิดรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและความคิดใหม่ด้วย
Sky Park อาคารมีชีวิต
โดยหนึ่งในสัญลักษณ์ของ MBS เดิมคือ “Sky Park” บนหลังคาตึกที่ทอดตัวยาวคล้ายเรือ ในโครงการใหม่ที่ต้องการทำให้พื้นที่นี้ “ยกระดับ” ไปอีกขั้น โดยเปลี่ยนจาก Sky Park แบบแนวนอน เป็นโครงสร้างแบบสามมิติ (3D Terraced Sky Garden) ที่มีหลายระดับ มีสระว่ายน้ำถึง 6 สระ และพื้นที่สีเขียวต่อเนื่อง
“เราอยากให้หลังคาไม่ใช่แค่จุดชมวิว แต่เป็นที่พักผ่อนที่แท้จริง และมีพื้นที่บางส่วนเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าได้ ไม่จำกัดเฉพาะแขกโรงแรม”
และความน่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ การเลือกใช้แผ่นคลาดดิ้งลายเกล็ดปลาที่เรืองแสงในเวลากลางคืน เป็นเหมือนผิวหนังของอาคารที่ขยับได้อย่างมีชีวิตชีวา โดยหวังว่านักท่องเที่ยวจะสังเกตเห็นและจดจำได้
ความสำเร็จ=กล้าคิด-ลงมือทำ
“โมเช่” ยังบอกอีกว่า อาคาร Marina Bay Sands มีจุดแข็งตรงที่ไม่แยกตัวออกจากเมือง กล่าวคือที่นี่คุณจะเห็นน้ำ เห็นเมือง และยังรู้สึกว่าอยู่ในสิงคโปร์ ไม่เหมือนห้างอื่นในสิงคโปร์ที่เข้าไปแล้วไม่เห็นแสงแดด
“เชื่อว่าอนาคตของเมืองจะต้องเดินหน้าสู่สถาปัตยกรรมแนวดิ่งที่เป็นมนุษย์ โดยการเชื่อมตึกเข้าด้วยกัน สร้างพื้นที่สาธารณะบนอากาศ และออกแบบให้ต้นไม้และแสงธรรมชาติเข้าถึงทุกจุดในอาคาร”
และให้ข้อมูลอีกว่า สภาพแวดล้อมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) โดยเฉพาะสิงคโปร์ คือ พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้นวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมเกิดขึ้นจริง ประกอบกับกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความกล้าที่จะลองของใหม่ มีหน่วยงานรัฐที่เข้าใจคุณค่าในพื้นที่สาธารณะ มีผู้พัฒนาอสังหาฯที่กล้าลงทุนกับความคิดสร้างสรรค์
“ถ้าผมออกแบบ MBS ในสหรัฐอเมริกา มันคงไม่มีวันถูกสร้างขึ้นจริง”
พร้อมย้ำว่า ความสำเร็จของ Marina Bay Sands ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการกล้าคิด และลงมือทำในระดับที่ใหญ่พอ
เพราะโครงการใหม่ที่กำลังสร้างนี้ไม่ใช่แค่การเพิ่มอาคาร แต่คือการเพิ่มมิติใหม่ให้เมือง และเป็นการส่งต่อสถาปัตยกรรมให้คนรุ่นต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เบื้องหลังเฟสใหม่ Marina Bay Sands ลงทุน 8 พันล้าน USD
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net