สิ้นปี ต้องไม่สิ้นใจ อย่าให้ค่าภาษีสังคมปลายปี มากระทบเงินออม
ธันวาคมเดือนสุดท้ายของปี ช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์กับงานรื่นเริง และเป็นช่วงเวลาที่เราได้สัมผัสคำว่า ‘ภาษีสังคม’ บ่อยที่สุด เพราะงานสังสรรค์ปลายปีดันถาโถมมาพร้อมกันหลายงานในเดือนนี้เดือนเดียว
ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงานของคนใกล้ชิด ปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน นัดกินข้าวในวันคริสต์มาส งานฉลองปีใหม่ของครอบครัว การพบปะญาติพี่น้องที่ต้องไปพร้อมกับของฝากติดไม้ติดมือ หรือจะเป็นกิจกรรมแลกของขวัญกับเพื่อนร่วมงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายยิบย่อยอย่างค่าเช่าชุดออกงาน ค่าเดินทาง ค่าของขวัญ หากลองคำนวณดูดีๆ ค่าภาษีสังคมที่ต้องจ่ายส่งท้ายปีคงมากถึงหลักหมื่น ต่างจากเดือนก่อนหน้าที่จ่ายน้อยกว่านี้
เมื่อค่าภาษีสังคมเป็นรายจ่ายที่เลี่ยงได้ยาก สำหรับผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ อาบน้ำร้อนมาก่อน คงเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เก็บเงินทีละเล็กทีละน้อยในแต่ละเดือนเพื่อมาใช้จ่ายในช่วงปลายปี แต่เหล่า First Jobber มนุษย์เงินเดือน Gen Z อาจตั้งรับไม่ทัน จนทำให้หลายคนต้องเอาเงินออมมาใช้จ่ายในเดือนธันวาคมนี้
มนุษย์เงินเดือนหน้าใหม่อาจเริ่มใช้ทฤษฎี 70-30 หรือใช้เงิน 70% เก็บออม 30% ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเก็บเงิน แต่บางคนเมื่อบวกลบคูณหารแล้ว รู้ว่าใช้ไม่ได้สำหรับเดือนนี้แน่นอน เพราะในจำนวนเงินค่าใช้จ่าย 70% คือค่าใช้จ่ายทั่วไปในชีวิตประจำวันที่ใช้จ่ายตามปกติ ซึ่งไม่เพียงพอกับการจ่ายภาษีสังคมที่เพิ่มเข้ามา
เดือนนี้บางคนเปลี่ยนมาใช้ทฤษฎี 50-30-20 แทน เป็นการแบ่งค่าใช้จ่ายให้ละเอียดและชัดเจนขึ้น แบ่งเป็น 50% คือค่าใช้จ่ายจำเป็น ได้แก่ ค่าอาหาร ยารักษาโรค บิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทางไปกลับที่ทำงาน ค่าที่อยู่อาศัย และหนี้สิน ส่วนอีก 30% คือค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต เช่น เงินสำหรับใช้สังสรรค์ ท่องเที่ยว หรือจ่ายให้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่างๆ และลดเงินเก็บลงให้เหลือเพียง 20%
ถึงตรงนี้หลายคนคงรู้แล้วว่า ควรจำแนกเงินค่าภาษีสังคมไว้ใน 30% แต่หากยังไม่เพียงพออยู่ดี แล้วจะต้องทำอย่างไร
ต้องบอกว่าแม้จะอยากเก็บออมเงินไว้ใช้ในอนาคต แต่ไม่ใช่เรื่องผิดที่เราจะลดเงินเก็บให้น้อยลงแบบเฉพาะกิจแค่ในเดือนนี้ อาจเหลือเงินออมเพียง 5-10% เพราะจำนวนเงินเก็บก็สามารถยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับบริบทการใช้ชีวิตในแต่ละเดือนได้ หากคิดแล้วว่าค่าภาษีสังคมนั้นจำเป็นต้องจ่ายจริงๆ เช่น การนัดกินข้าวกับเพื่อนที่เจอกันแค่ปีละครั้ง การใส่ซองหรือเดินทางไปร่วมงานแต่งเพื่อนที่อาจไม่ได้เจอกันบ่อยอีกแล้ว หรืออยากร่วมสนุกในวงสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน เพื่อกระชับความสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาอย่าคิดมากจนเกินไป เพราะหลักการของภาษีสังคมคือ ‘จ่ายเท่าที่ไหว’ เราสามารถเข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่าง แต่ลดจำนวนเงินให้น้อยลงได้ เช่น หากต้องกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนอาจตกลงกันเลือกร้านอาหารที่ราคาไม่สูงนัก ใช้แต้มบัตรเครดิตหรือคะแนนสะสมมาใช้จ่ายหรือซื้อของขวัญ และมองหาตัวเลือกอื่นๆ ที่จะช่วยประหยัดเงินเสมอ อย่างซื้อของฝากญาติจากร้านออนไลน์หรือห้างที่ได้ส่วนลดเยอะกว่า หรือจะเลือกไม่เข้าร่วมบางกิจกรรมก็ย่อมได้ เพราะความจริงภาษีสังคมที่เราคิดว่าต้องจ่ายเยอะในเดือนนี้ อาจมีอีเวนต์ที่สำคัญกับเราจริงๆ เพียงแค่ 2-3 งานเท่านั้น
สุดท้ายนี้ช่วงเวลาพบปะสังสรรค์ในเดือนธันวาคม อาจเป็นช่วงเวลาชักหน้าไม่ถึงหลังของเหล่า First Jobber แต่ก็เป็นบทเรียนให้กับปีถัดไป เมื่อรู้ล่วงหน้าแล้วว่า มีค่าใช้จ่ายอันหนักหน่วงรออยู่ท้ายปี เดือนมกราคมปีหน้าอาจลองแยกบัญชีสำหรับเก็บเงินค่าภาษีสังคมทีละเล็กทีละน้อย เพื่อสิ้นปีถัดๆ ไปจะได้ไม่สิ้นใจ เพราะค่าภาษีสังคมที่ประเดประดังเข้ามา
อ้างอิง:
- https://makebykbank.kbtg.tech/articles/tricks-to-manage-money-50-30-20