โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“โดรนพลีชีพ” ตัวเปลี่ยนเกม สงครามยุคใหม่

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
“โดรนพลีชีพ” ตัวเปลี่ยนเกม สงครามยุคใหม่ เล็กจิ๋ว ราคาถูก แต่ทำลายล้างสูง สู่การรบบนสมรภูมิ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ในช่วงเวลาที่ความขัดแย้ง ขยายไปทั่วทุกภูมิภาค หลายประเทศ ต่างก็พัฒนายุทโธปกรณ์ให้มีความทันสมัยขึ้น เพื่อรับมือกับภัยคุกคามต่าง ๆ บนสมรภูมิ

ภาพจำการรบแบบสมัยก่อนอาจเปลี่ยนไป จากพื้นสนามรบที่เต็มไปด้วยรถถัง เครื่องบินรบ อาวุธหนักต่าง ๆ

แต่การเข้ามาของ “โดรนพลีชีพ” กำลังกลายเป็น Game Changer บนสมรภูมิอันดุเดือด

“โดรนพลีชีพ” คืออะไร ?

“โดรนพลีชีพ” หรือที่เรามักเรียกทั่วไปว่า โดรน FPV ย่อมาจาก First Person View เป็นโดรนที่ติดกล้องและส่งภาพแบบเรียลไทม์ไปยังผู้ควบคุมผ่านแว่น FPV ทำให้บังคับได้แม่นยำ มักถูกนำมาดัดแปลง เพื่อบรรทุกระเบิด หรือ หัวรบได้

หากจะให้อธิบายแบบเห็นภาพง่าย ๆ โดรนพลีชีพ เปรียบเสมือนกระสุนปืนสไนเปอร์ และนักบินผู้ควบคุมโดรนเหล่านี้ ก็คือ มือปืนสไนเปอร์ นั่นเอง

ด้วยความที่มีขนาดเล็ก ราคาถูก แต่พลังทำลายล้างสูง และตรวจจับได้ยาก จึงทำให้โดรนพลีชีพ กลายเป็นอาวุธสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในสงครามสมัยใหม่มากขึ้น เมื่อเทียบกับอาวุธหนักอื่น ๆ

ราคาโดรนพลีชีพตกอยู่ลำละประมาณ 300-500 ดอลลาร์สหรัฐ

สงครามรัสเซีย-ยูเครน จุดเปลี่ยนยุทธการรบแบบใหม่

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ “โดรน” เข้ามามีบทบาทสำคัญ และทำให้เปลี่ยนแปลงการรบสมัยใหม่ไปตลอดกาล นั่นคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน

บทความจาก CEPA เผยว่า โดรนได้เปลี่ยนโฉมความมั่นคงโลกไปตลอดกาล โดยต้นทุนการรบต่ำ แต่ส่งผลทำลายล้างสูง

ยูเครนกลายเป็นผู้นำด้านยุทธวิธีโดรนในการทำสงคราม โดยใช้โดรน FPV ราคาประหยัด และขยายการใช้งานไปสู่การปฏิบัติการทางทะเลเพื่อต่อต้านกองกำลังรัสเซีย ภายในเวลาไม่กี่ปี ยูเครนได้เพิ่มจำนวนการใช้งานโดรนในสนามรบ เป็นหลายหมื่นตัวต่อเดือน

หนึ่งตัวอย่างที่ทำให้โลกได้เห็นถึงประสิทธิภาพของโดรนเหล่านี้ คือ ปฏิบัติการใยแมงมุม หรือ “Spider’s Web” operation ที่ยูเครนได้ส่งโดรนกว่าร้อยลำ โจมตีฐานทัพอากาศสำคัญของรัสเซีย ทำให้เครื่องบินรบเสียหายเป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นหนึ่งในการโจมตีทางไกลที่สุดของยูเครนเท่าที่เคยมีมา

อันที่จริง เคยมีการนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 มาแล้ว และกลุ่มติดอาวุธต่าง ๆ เคยใช้ “โดรน” เพื่อก่อการร้ายก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนอีก

แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่าย เชื่อว่า ปฏิบัติการของยูเครน กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอย่างมากในสงครามสมัยใหม่ เพราะโดรนขนาดเล็ก และราคาถูก กลับสามารถทำลายอาวุธหนัก ๆ มูลค่ามหาศาลของรัสเซียได้ และสามารถบินโจมตีไกลถึงหลายพันกิโลเมตรได้

รายงานของ Forbes ระบุว่า ยูเครนสามารถผลิตโดรน FPV ได้มากถึง 100,000 ลำต่อเดือน และคาดว่า โดรนเหล่านี้จะถูกพัฒนาให้มีความทนทานและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในสนามรบ รวมถึงสามารถบินได้อย่างอัตโนมัติมากขึ้น เมื่อผสานกับ AI ที่ช่วยให้ระบบเรียนรู้ด้วยตัวเอง ก็มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคต โดรนจะสามารถปฏิบัติการแบบบินเป็นฝูงได้พร้อมกันอีกด้วย

ข้อมูลจากการวิเคราะห์ด้านการป้องกันประเทศของ National Security News ระบุว่า โดรนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในสงครามยูเครนราว 80% มากกว่าอาวุธชนิดอื่น ๆ

ปัจจุบัน มีมากกว่า 30 ประเทศ ที่มีโดรนติดอาวุธไว้ในครอบครอง อาทิ จีน, ตุรกี และอิหร่าน เป็นต้น

“โดรน” อาวุธที่ถูกใช้ทุกภูมิภาคความขัดแย้ง

ความนิยมใช้ “โดรน” ในการสงคราม ไม่ได้เกิดขึ้นที่รัสเซีย-ยูเครนเท่านั้น แต่ยังถูกใช้ไปทั่วภูมิภาคที่มีความขัดแย้ง ไม่เว้นแม้แต่ ไทย-กัมพูชา

กองทัพภาคที่ 2 รายงานว่า กัมพูชา ได้ใช้โดรน FPV ติดลูก ค.82 มม. ใช้สายไฟเบอร์ออปติกในการบังคับ โดยจะมีโดรนชี้เป้าจำนวน 1 ตัว บินคอยดูสังเกตและแจ้งที่หมาย

โดรนพลีชีพจะทิ้งทำลายบริเวณช่องด้านหน้า หรือด้านหลังบังเกอร์ หวังให้สะเก็ดกระเด็นเข้าด้านใน บางจังหวะมีลงจอดที่พื้น เพื่อประหยัดแบตและรอเป้าหมาย

การบังคับโดรน FPV จะสามารถควบคุมได้ 2 ลักษณะ คือ

  • บินตาม GPS ขึ้นได้ทีละหลายลำ แต่จะบินมั่ว ชนกิ่งไม้ หรือตาข่ายง่าย

  • ใช้คนบังคับทีละลำ ลักษณะจะบินหาที่มุดเข้าบังเกอร์ ทำให้แม่นยำกว่า ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ชี้ว่า เหตุโจมตีที่ช่องอานม้า ลักษณะการโจมตีคล้ายรูปแบบนี้

เทคโนโลยีกำลังทำสงครามไม่มีวันสิ้นสุด ?

“โดรน” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเปลี่ยนเกมสงครามสมัยใหม่เท่านั้น แต่มันอาจจะเป็นตัวการที่ทำให้สงครามไม่มีวันสิ้นสุดด้วย

ถึงแม้โดรนจะไม่สามารถเข้ายึดครองประเทศได้เหมือนพลทหาร แต่มันก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้กองทัพที่อ่อนแอกว่า สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้ยาวนาน

บทความวิเคราะห์จาก Vision of Humanity ของสถาบัน Economics and Peace รายงานว่า นวัตกรรมเทคโนโลยี อย่างโดรนสงคราม และ AI ทำให้การก่อสงครามเกิดได้ง่ายขึ้น และก็ทำให้จบได้ยากขึ้นเช่นกัน

อาวุธเหล่านี้ กำลังสร้างสิ่งที่เรียกว่า “สงครามตลอดกาล” ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่ยากต่อการแก้ไข และทำลายทรัพยากรโลกไปอีกหลายสิบปี

เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้สงครามแบบชนะขาดจบยากขึ้น มีเพียง 9% เท่านั้น ที่จบแบบมีผู้ชนะชัดเจน เมื่อเทียบกับช่วงปี 1970 อยู่ที่ 49% นอกจากนี้ สงครามที่ จบด้วยข้อตกลงสันติภาพก็ลดลง จาก 23% เหลือเพียง 4% เท่านั้น

การผงาดขึ้นของ “โดรนพลีชีพ” สะท้อนให้เห็นว่าสงครามยุคดิจิทัลไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยขนาดกองทัพเพียงอย่างเดียว แต่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ความเร็วในการปรับตัว และความเข้าใจเชิงยุทธศาสตร์ต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ก็ทำให้สงครามยากที่จะจบลง

คำถามสำคัญจึงอาจไม่ใช่เพียงว่าใครจะชนะสงคราม แต่คือโลกจะหาทางยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อเหล่านี้ได้อย่างไร

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

https://cepa.org/article/how-are-drones-changing-war-the-future-of-the-battlefield/

https://edition.cnn.com/2025/11/27/world/history-future-of-drones-intl-hnk-ml-dst

https://worth.com/drones-are-now-the-deadliest-weapon-in-modern-conflict/

https://dronelife.com/2025/03/25/the-new-king-of-combat-how-small-fpv-drones-are-reshaping-modern-warfare/

http://dronelife.com/2024/05/31/the-rise-of-tiny-fpv-drones-in-warfare-how-theyre-used/

https://www.usmcu.edu/Portals/218/MCU_Insights_BengoGuy_16_4.pdf

https://www.tnnthailand.com/tech/219886/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...