‘อนุฯ กมธ.กฎหมาย’ จี้รัฐบาลแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน ‘กัมพูชา’ ภาคเกษตรในจ.สระแก้ว
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาปัญหาและมาตรการทางกฎหมาย ในการควบคุมการทำงานของคนต่างด้าว ในคณะ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แถลงผลการศึกษาปัญหาและมาตรการทางกฎหมาย ในการควบคุมการทำงานของคนต่างด้าว ว่า คณะ อนุ กมธ. มีภารกิจในการรวบรวม กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคในการควบคุมการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อแก้ไขให้ทันสมัย และเสนอรายงานต่อรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลข้อคิดเห็น จำนวน 7 ครั้ง และได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 18-19 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อขอความเห็นและรับทราบปัญหาแรงงานชายแดนในพื้นที่ จ.สระแก้ว
นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า โดยมีการพบปะหารือกับส่วนราชการ จ.สระแก้ว ภาคเอกชน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลเป็นข้อเสนอแก้ปัญหาการปิดด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ดังนี้ 1.ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาขาดแรงงานกัมพูชาภาคเกษตร ในช่วงประมาณเดือน ส.ค. ต้องการแรงงานชาวกัมพูชา จำนวน 5,000 คน เพื่อเก็บลำไยในพื้นที่ จ.สระแก้ว และช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวอ้อย ต้องการแรงงานชาวกัมพูชาจำนวน 10,000 คน ซึ่งปัญหาดังกล่าว จ.สระแก้ว ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา โดยการเปิดด่านให้แรงงานชาวกัมพูชา เข้ามาเพื่อเก็บผลผลิตการเกษตร หรือกำหนดมาตรการอื่น ๆ ของแรงงานฯ ประมาณ 15,000 คน ที่ จ.สระแก้ว ต้องการ 2.เสนอผ่อนปรนคำสั่งปิดด่าน พื้นที่ที่ไม่มีความขัดแย้งหรือสู้รบ เช่น จ.สระแก้ว เสนอให้รัฐบาลพิจารณารายจังหวัด และแต่ละด่าน เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจการค้าชายแดนที่ซบเชา
นายณัฏฐ์ชนน กล่าวต่ออีกว่า 3.สถานการณ์ปัจจุบันด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ในส่วนด่านชายแดนปิดสนิทห้ามเข้าออก ตามคำสั่งกองทัพภาคที่ 1 ทั้งนี้ที่ผ่านมามีผู้ผ่านแดนวันละ 18,000 คน แบ่งเป็นคนกัมพูชาจำนวน 10,000 คน และคนไทยจำนวน 8,000 คน ซึ่งภายหลังจากประกาศปิดด่าน มีผู้ผ่านแดนหลักร้อยคน เป็นคนไทยจากประเทศกัมพูชากลับประเทศไทย และคนกัมพูชาจากประเทศไทยกลับประเทศกัมพูชา ซึ่งบุคคล 2 กลุ่ม เมื่อกลับประเทศไม่สามารถกลับออกมาได้อีก โดยนักเรียนสามารถผ่านด่านได้ทั้ง 2 ประเทศนักเรียนจากฝั่งประเทศไทย ข้ามไปเรียนฝั่งกัมพูชาวันละประมาณ 700 คน และนักเรียนฝั่งประเทศกัมพูชา ข้ามมาเรียนฝั่งประเทศไทย 5-7 คน จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะลูกชาวกัมพูชาที่มาประกอบอาชีพฝั่งไทย เดินทางกลับไปเพื่อเรียนที่กัมพูชา เพราะฝั่งประเทศกัมพูชา มีโรงเรียนดีๆ กว่าฝั่งประเทศไทย เช่น โรงเรียนนานาชาติ
นายณัฏฐ์ชนน กล่าวต่อไปว่า 4.มีการอนุญาตให้ผู้ป่วยสามารถผ่านแดนได้ทั้ง 2 ประเทศ ตามหลักมนุษยธรรม แต่ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานของทั้ง 2 ประเทศ พิจารณา 5.บรรยากาศการค้าขายเศรษฐกิจซบเซาอย่างมาก โดยเฉพาะฝั่งไทยไม่สามารถนำสินค้าเข้าออกได้ทุกกรณี 6.จากการประเมินตัวเลขการค้าประเทศไทยเสียดุลการค้ากัมพูชา เดือนละประมาณ 10,000 ล้านบาท จากด่านใน จ.สระแก้ว
นายณัฏฐ์ชนน กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น จากข้อมูลในการลงพื้นที่ จ.สระแก้ว คณะอนุ กมธ. ขอให้รัฐบาล เร่งแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ให้เร็วที่สุด ขอให้รัฐบาลผ่อนปรนชายแดนที่ไม่มีปัญหา และเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานชาวกัมพูชา ภาคบริการและภาคเกษตรรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างไรก็ตามในนาม กมธ. ขอให้ปัญหาข้อขัดแย้งทั้ง 2 ประเทศ เรื่องดินแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ยุติโดยเร็ว เราทั้ง 2 ประเทศไม่สามารถยกประเทศหนีได้ ไม่ต้องการเห็นการสู้รบที่ทำให้เกิดสูญเสียชีวิตทั้ง 2 ฝ่าย ปัญหาเศรษฐกิจ ทำลายการค้าระหว่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะต้องยึดผลประโยชน์ของชาติ ประชาชน เป็นสิ่งสำคัญ สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยความรักความปรารถนาดี.