เจรจาหยุดยิง ไทย-เขมร-สหรัฐ-จีน โลกเข้าข้างใคร?
โต๊ะเจรจาระอุ ฮุนมาเนตเดินเกมไว ไทยยันเขมรต้องหยุดยิงก่อน
แม้หน้างานกองทัพไทย ถูกได้เปรียบในการทำสงครามกับกองทัพเขมรด้วย “การยุทธทางทหาร” ที่มียุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่าทั้งทางบกอากาศและน้ำ แต่ใช่ว่าจะไม่น่ากังวล กับ แผนการรบของเขมรที่ จะใช้ยุทธการ “เพิ่มความได้เปรียบ”ในการต่อรอง ระหว่างการเจรจาหยุดยิงอย่างที่กองทัพเขมรยังคงมีการยิงถล่มเข้ามาในเขตแดนไทยตลอดเมื่อวาน (27ก.ค.) แม้จะมีทวิตจากทรัมป์ขู่ทั้งไทย-เขมร ที่ “ฮุนมาเนต” นำมาเคลมมาสู่เรื่องการเปิดโต๊ะเจรจาที่มาเลเซียแล้ว กระทั้งถึงค่ำคืน
ตลอดคืนจนเช้ามืดวันนี้ (28ก.ค.) ที่2ฝ่ายยังมีการปะทะหลายแนวรบแม้จะมีข่าวฝ่ายไทยยึดและตั้งเสาธงชาติไทยที่ภูมะเขืออย่างที่กองทัพบกโพสต์ว่า เข้าวันที่ 5 ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนตี1ตี 3
ทหารไทยยังไม่ได้พักมีทุกแบบ ทั้งคืน
แต่ก็ยังอยู่ในท่ามกลางกระแสข่าวน่ากังวลต่ออาวุธของจีนที่ทิ้งไว้ในเขมรทั้งหมด หลังการร่วม ซ้อมรบกับใน”ยุทธการมังกรทอง”หรือ Golden Dragon 2025 ซึ่งปีนี้จัดใหญ่สุดนับตั้งแต่ซ้อม กันมาตั้งแต่ปี 2016 ที่เขมรยังไม่งัดออกมาใช้ เช่น อุปกรณ์ทหารขั้นสูงอย่างยานเกราะ ปืนใหญ่ เฮลิคอปเตอร์ เรือรบ โดรน และหุ่นยนต์สุนัขรบ รวมถึง อาวุธพิสัยไกล PHL-03 ซึ่งเป็นระบบยิงจรวด หลายลำกล้องขนาด 300 มม. ที่มีความสามารถในการยิงได้ไกลถึง 130-150 กม.ที่มีความพยายามเคลื่อน
มาติดตั้งบริเวณแนวชายแดน
แม้ฝ่ายไทยจะมีเครื่องบิน F16 และ กริฟเพ่น ในการสกัดการส่งกำลัง ที่กองทัพไทยเพิ่งแจ้งเตือนประชาชน ให้เฝ้าระวังแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่เป็นระยะ โดยท่าทีจาก “กองทัพไทย”ยังคงยืนยันในหลักการรบทีรักษาความได้เปรียบและต้องให้เขมรเป็นฝ่ายหยุดยิงก่อนและมาร้องรอการเจรจา
ในขณะที่โหมดการเมืองระหว่างประเทศ โต๊ะเจรจาหยุดยิงสงครามไทย-เขมร ที่ถูกยกระดับมาสู่โต๊ะกลางที่มีอาเซียนโดย “อันวาร์” นายกมาเลเซีย ประธานอาเซียน เป็น “เจ้าภาพ” ร่วมกับมหาอำนาจ จีน-สหรัฐ ที่มาในรูปแบบกึ่งแทรกแซงโดยมีผลประโยชน์ที่ไม่น่าไว้วางใจทั้งคู่และสหภาพยุโรป ไม่นับรวมองค์กรต่างประเทศอย่าง UN ที่มีบทบาทผ่าน UNSC ก่อนหน้านี้ โดยในวันนี้ (28ก.ค.) ดูทรง เหมือน “ฮุนมาเนต”นายกเขมร จะก้าวนำ ผู้นำรัฐบาลไทย ภายใต้ “รักษาการนายกอ้วน ภูมิธรรม เวชชยชัย” ไปมากกว่าหนึ่งก้าวเสมอ บนเวทีโลก หลังจากที่ผ่านมา “รัฐบาลเขมร”แสดงให้เห็นว่า “เก๋ากว่าเร็วกว่า” ทั้งเปิดเกมรุก ประเทศเล็กแต่กล้ารุกรานประเทศใหญ่กว่า และ พลิกเกมได้เร็ว มาตลอด ไม่นับรวม “จุดอ่อน” ของไทยกรณี 2 ตระกูล
ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง “สตอรี่”วางพล็อตเรื่องล่วงหน้าจนมาถึงการ การจับจังหวะออกแถลงการณ์อย่างเป็น ทางการทีผ่านมา หรือแม้กระทั่งการ “พลิกเหลี่ยม”เมื่อดูท่าว่าเวที UNSC เสียปรียบไม่เป็นไปตามที่ “เซ็ตเกม”ไว้ เพราะถูกทูตไทยแฉกลางวงถึงความอำมหิตโหดทำร้ายประชาชนไทยผู้บริสุทธิ์ยิงสุ่มใส่สถานที่ เปราะบางโรงพยาบาลโรงเรียนและชุมชนชาวบ้านเด็กเล็กเสียชีวิตนับสิบศพ เข้าข่าย ที่คนบัญชาการรบอย่าง ”ฮุนเซน” จะถูกฟ้องศาล ICC ฐานก่ออาชญากรสงครามจึงนำมาสู่การพลิกเกมให้ 2 มหาอำนาจ จีน-สหรัฐ ที่กำลังใกล้ไฟนอลผลประโยชน์ ทั้งการเจรจา “ภาษีทรัมป์”เข้ามากดดันไทยแทน โดย “ฮุนมาเนต”ชิงเคลม ผ่านFB ว่าการประชุมนี้ มี สหรัฐฯ เป็น co-organizer มีตัวแทน จีน ร่วมด้วย หลังจากตนได้คุย กับ Donald Trump พร้อมขอบคุณ “อันวาร์” ที่จัดการประชุมนี้
ทั้งนี้โต๊ะเจรจาที่มาเลเซีวยวันนี้ ถูกจับตาจากหลายฝ่ายท่ามกลางความกังวล ไม่แต่ผลลัพธ์ที่จะออกมา “ที่คนใน2ประเทศย่อมไม่พอใจหากจะจบดื้อๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นท่างกลางความสูญเสียและเสียหายของ พลเมืองและ มหาอำนาจ สหรัฐ,จีน,ยุโรป รวมถึง อาเซียน เอง จะเล่นบท “แทรกแซง”กดดัน เข้าทางใคร เพราะทั้งไทย-เขมร ต่างมีผลประโยชน์กับทุกประเทศที่อยู่บนโต๊ะเจรจา อย่างที่ “ดร.ปณิธาน วัฒนายากร” ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ บอกว่า ท่าทีในการต่างประเทศไทยอย่างน้อยต้องมี 3 ท่าที
คือ 1.ขณะนีเรายังไม่ยอมให้ใครมาแทรกแซงปฏิบัติการทางทหารเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียอีก อันนี้จะเป็นเหตุผล ว่าเราป้องกันตนเอง แต่หลังจากนี้ เราก็ยินดีขอบคุณที่หวังดีที่วันนี้ไม่มีแต่สหรัฐยังมีจีนและมียุโรป UNSC รวมทั้งคณะมนตรีความมั่นคงถาวรทั้งหมดคืออังกฤษ ฝรั่งเศส ที่สนใจเข้ามา แต่เรายินดีให้แค่มาแค่ “ประสานงาน” ไม่ใช่ให้ “ไกล่เกลี่ย”โดยต้องอยู่ใน “เงื่อนไข”ของเรา
และสุดท้าย ก็ต้องระวัง “มาเลเซีย” ไม่ให้มา “ชี้นำ”กำกับเรา จริงๆอยากให้ไทยนั่งหัวโต๊ะก็จะดี ซึ่งหลังจากวันนี้ ควรมีการตัดสินใจให้ชัดว่าใครจะมาช่วยดูกำกับไม่ให้เขมรละเมิดข้อตกลง “หยุดยิง”อีก เพราะทั้ง2ประเทศยังคง มีปฏิบัติการทางทหารขณะที่รับรุกขณะที่ถอนกำลัง หรือจะมีอีกข้อที่กต.ถามว่า “เขมร”ไม่จริงใจ หลังจากนี้จะจริงใจต่อ “ข้อตกลงหยุดยิง”หรือเปล่า ที่ต้องประกอบไปในข้อสังเกตการณ์ เพื่อให้ข้อตกลงหยุดยิงเป็นไปตามนั้นในอนาคต
ขณะที่ “ภูมิธรรม”เผยก่อนประชุม ว่า เงื่อนไขเจรจา 'เขมร' ต้องหยุดยิง โดยเชื่อว่าจากหลักฐานที่ชัดเจนในพฤติกรรม ของเขมรที่ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ แม้โต๊ะเจรจานี้ “ฮุนมาเนต”จะเป็นคนผลักดัน แต่ประเทศที่เข้าประชุมรวมถึงทั่วโลก ที่ทราบเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น จะยืนข้างประเทศไทย เพราะถือว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลง และกฎหมายระหว่างประเทศ และ 3 ประเทศ มาเลเซีย จีน สหรัฐอเมริกา ที่ยื่นเรื่องเข้ามา ทุกคนพูดประเด็นเดียวกันคือไม่อยากเห็นสงคราม และไม่อยากเห็นการกระทำที่รุนแรงไปกว่านี้ และสิ่งที่กระทำกับพลเรือนไทย ว่ากัมพูชากระทำมิชอบ การเจรจาวันนี้ คือทำให้พลเมืองปลอดภัยและไม่รุกล้ำมาในเขตแดนไทย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews