กลุ่มคนรับจ้างฉีดพ่นยาข้าวยิ้มหลังโดรนการเกษตรถูกสั่งถูกห้ามบินเพื่อความมั่นคงของชาติ
จากกรณีที่มีประกาศห้ามบินหรือปล่อยโดรน (Drone) ทุกประเภทในพื้นที่ทั่วประเทศ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ไปจนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 68 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง และหากพบการหระทำผิด หรือลักลอบบินโดรน จะมีโทษสูงสุด จำคุก 1 ปี หรือ ปรับ 40,000 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ต่าง ๆ ส่งผลให้กลุ่มรับจ้างบินโดรนเกษตร โดยเฉพาะช่วงนี้ไม่สามารถจะออกรับจ้างฉีดพ่นยาสารเคมี หรือฮอร์โมนต่างๆให้เกษตรกรชาวนาผู้ว่าจ้างได้นั้น แต่ได้ส่งผลดีต่อเกษตรกรชาวนาที่มีอาชีพเสริมรับฉีดพ่นยาสารเคมีที่หยุดรับจ้างจากอาชพนี้ไป เนื่องจากโดรนบินเกษตรเข้ามาอิทธิพลเกษตรกรหันไปจ้างกลุ่มรับจ้างบินโดรนเกษตรกันหมด แต่ในช่วงที่ถูกห้ามบินโดรนเกษตรปรากฏว่า เกษตรกรชาวนาไม่สามารถจ้างกลุ่มรับจากบินโดรนได้ จึงหันมาจ้างกลุ่มรับจ้างฉีดพ่นยาแบบลาสายและแบบกระเตงสะพายหลังกันแทน
อย่างกลุ่มฉีดพ่นยา “ทีมงานผู้ใหญ่หนู” ของนายสุทน โอชา ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตำบลบ้านเก่า อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า หลังจากมีโดรนเกษตรเข้ามามีอิทธิพลต่อชาวนาในการฉีดพ่นยาสารเคมี และฮอร์โมนต่างๆในนาข้าวของเกษตรกร จนต้องหยุดอาชีพนี้มานานกว่า 1 ปี แล้ว เนื่องจากไม่มีเกษตรกรชาวนามาจ้าง จะมีฉีดพ่นยาแบบเอาแรงกันเท่านั้นโดยไม่ต้องไปเสียค่าจ้างแรงงานสำหรับการทำนาของตัวเอง แต่ระยะนี้มีเกษตรกรชาวนาทั่วอุทัยธานี ติดต่อมาจ้างจนคิวยาวนานกว่า 2 สัปดาห์ และยังมีเกษตรกรชาวนาติดต่อมาอย่างต่อเนื่องจนออกรับจ้างไม่ทัน จึงต้องนำทีมงานจำนวน 2 ชุด ทีงานจำนวน 10 คน เร่งออกฉีดพ่นยาสารเคมี และฮอร์โมนในนาข้าวของเกษตรกรชาวนาที่ว่าจ้างกันตั้งแต่ชาว เพื่อให้ได้ผลงานวันละ 100 ไร่ขึ้นไปโดยคิดราคาไร่ละ 60 บาท ราคาเท่ากันกับกลุ่มรับจ้างบินโดรนเกษตร ซึ่งจะทำให้มีรายได้ประมาณวันละ 500 – 600 บาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว