ด.ช. 5 ขวบตกบ่อปลาในโรงเรียนดับ ครอบครัวช็อกถามหาความปลอดภัย
เด็กชาย 5 ขวบตกบ่อปลาในโรงเรียนพัทลุงเสียชีวิต ครอบครัวช็อกตั้งคำถามความปลอดภัย มาตรการป้องกันที่เข้มงวด และการดูแลจากครู
วันที่ 27 มิ.ย. 68 เกิดเหตุสลดที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.6 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เมื่อน้องไตเติ้ล อายุ 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล2 จมน้ำเสียชีวิตในบ่อปลาร้าง ภายในโรงเรียน ขณะขออนุญาตไปปัสสาวะ
สำหรับบริเวณสระน้ำจุดเกิดเหตุ มีขนาดยาว 30 เมตร กว้าง 2 เมตร ลึกประมาณ 1.5 เมตร อยู่ด้านหลังห้องน้ำของโรงเรียนเดิม เคยใช้เลี้ยงปลา แต่ปัจจุบันถูกปล่อยร้าง โดยไม่มีการป้องกัน หรือล้อมรั้วปิดกั้นพื้นที่คงปล่อยให้รกร้างมองไม่เห็น แม้กระทั่งผืนน้ำ เพราะถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืช สันนิษฐานว่าก่อนเกิดเหตุน้องไตเติ้ลผู้เสียชีวิตอาจจะมองว่าเป็นพื้นดินที่มีหญ้าจึงเดินเข้าไป เพื่อทำธุระส่วนตัวจนกระทั่งตกลงไปเสียชีวิตดังกล่าว
หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนสั่งเลิกเรียนก่อนเวลา ทางญาติได้นิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ ก่อนนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหลักสิบ ต.หนองธง อ.ป่าบอนท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว
ด้านครูพี่เลี้ยง ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุเด็กได้ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำเพื่อฉี่ ซึ่งเธอได้ปลดตะขอกางเกงให้ และบอกว่าให้เดินไปก่อน ขอครูสั่งงานเพื่อนให้ห้องแป๊บเดียวเดี๋ยวตามไป
หลังจากเธอสั่งงานในห้องเรียนเสร็จจึงตามไป แต่ไม่พบน้องไตเติ้ลแล้ว จึงออกเดินตามหาไม่พบ กระทั่งพบรองเท้าของน้องไตเติ้ลวางอยู่ใกล้สระน้ำ 1 ข้าง และอีก 1 ข้างอยู่ในสระน้ำ จึงรีบขอความช่วยเหลือจากครูในโรงเรียน และหลังจากนั้นครูผู้ชายในโรงเรียนก็กระโดดลงไปในน้ำ และนำร่างเด็กขึ้นมา ก่อนจะปฐมพยาบาลเบื้องต้น และส่งโรงพยาบาลป่าบอน แต่สุดท้ายน้องเสียชีวิต
ขณะที่แม่ของน้องไตเติ้ล ซึ่งยังอยู่ในอาการเศร้าโศก กล่าวทั้งน้ำตาว่า ลูกชายของตนควรเป็นเคสสุดท้าย ไม่ควรมีเด็กคนใดต้องสูญเสียชีวิตเช่นนี้อีก พร้อมตั้งข้อสังเกตโรงเรียนถึงเรื่องของสระน้ำที่มีอยู่ภายในโรงเรียน ทางโรงเรียนควรมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดกว่านี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีเด็กเล็กๆ
ส่วนลูกพี่ลูกน้องของน้องไตเติ้ล ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า น้องเป็นเด็กพิเศษ มีอาการลิ้นหัวใจรั่ว และร่างกายไม่แข็งแรง เข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ทำให้น้องเรียนช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ 1 ปี ก่อนหน้านี้ห้องเรียนอยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองธง และเพิ่งย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเกิดเหตุเมื่อปีการศึกษาล่าสุด โดยทางครอบครัวได้แจ้งทางโรงเรียนแล้วว่าน้องเป็นเด็กพิเศษ มีอาการป่วย ร่างกายไม่แข็งแรง ขอให้ดูแลใกล้ชิด
โดยทุกครั้งหากน้องจะเข้าห้องน้ำ เพื่อถ่ายหนัก ครูจะเรียกพี่สาวของน้อง ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.1 ในโรงเรียนเดียวกันไปช่วยดูแลล้างก้นให้น้อง แต่ครั้งนี้น้องขอไปฉี่ ซึ่งควรมีครูไปดูแลเช่นกันครอบครัวรู้สึกเสียใจ และตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบของครูผู้ดูแล
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามความคืบหน้า และมาตรการความปลอดภัยจากทางผู้บริหารของโรงเรียน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่รับผิดชอบกลับได้รับการปฏิเสธ พร้อมระบุว่า “ยังไม่พร้อมให้ข้อมูล”