“ราคาน้ำมันดิบ” ร่วงแรง จ่อปิดสัปดาห์ลดลงกว่า 12% ตลาดมองอุปทานยังล้น
"ราคาน้ำมันดิบ" ร่วงแรง จ่อปิดสัปดาห์ลดลงกว่า 12% มากสุดตั้งแต่มีนาคม 2566 หลังตลาดไม่เห็นสัญญาณปัญหาอุปทานจากศึกอิหร่าน-อิสราเอล นักวิเคราะห์ชี้น้ำมันยังล้นตลาด
วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 12.25 น. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบ กำลังมุ่งหน้าสู่การปรับตัวลดลงรายสัปดาห์แรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ในวันศุกร์นี้ เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลไม่มีผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ปัจจัยเสี่ยงด้านราคาหมดไป
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.52% มาอยู่ที่ 68.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 04.29 น. ตามเวลา GMT ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.61% มาอยู่ที่ 65.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งทั้งสองสัญญายังอยู่ในทิศทางที่จะปรับลดลงประมาณ 12% เมื่อเทียบรายสัปดาห์
ระดับราคาปัจจุบันได้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายทางทหารและนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา
ต้นสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน หลังสหรัฐโจมตีไซต์นิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ในวันอังคาร หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล
ขณะนี้เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าสถานการณ์ความขัดแย้งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของน้ำมันในตลาดโลก
นักวิเคราะห์จาก Macquarie ระบุว่า “เมื่อไม่มีภัยคุกคามด้านอุปทานที่สำคัญ เรายังมองว่าน้ำมันยังคงอยู่ในภาวะอุปทานล้นตลาด โดยสมดุลน้ำมันปี 2568 ของเราชี้ว่าตลาดจะมีน้ำมันส่วนเกินประมาณ 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน”
นักวิเคราะห์ของ Macquarie คาดการณ์ว่าราคาน้ำมัน WTI จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ และ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีหน้า โดยได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ขึ้น 2 ดอลลาร์ หลังจากนำปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาคำนวณ
ในช่วงปลายสัปดาห์ ราคาน้ำมันมีการฟื้นตัวเล็กน้อยจากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐที่เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในสัปดาห์ก่อนหน้านั้นลดลง โดยมีการเพิ่มขึ้นทั้งในด้านการกลั่นและความต้องการใช้น้ำมัน
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Price Futures Group กล่าวว่า “ตลาดเริ่มตระหนักว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐตึงตัวอย่างรวดเร็ว”
อีกปัจจัยที่สนับสนุนราคาคือนรายงานของ Wall Street Journal ที่ระบุว่าทรัมป์มีแผนแต่งตั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่เร็วกว่ากำหนด ซึ่งจุดกระแสคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยสหรัฐอาจถูกปรับลดลง ซึ่งมักส่งผลกระตุ้นความต้องการน้ำมันในตลาด
อ้างอิง : reuters.com